Last Updated on 09/20/2024 by admin
รีวิว MSI Prestige 14 AI Studio สเปก Core Ultra 7 155H + RTX 4050
เบา 1.7 โล พรีเมียม ฟีเจอร์ครบ ราคา 49,990 บาท
MSI Prestige 14 AI Studio เป็น AI PC รุ่นใหม่ปี 2024 สาย Creator Notebook หน้าจอ 14″ ตัวแรงลื่น ดีไซน์บางเบา โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล Intel Core Ultra รุ่นล่าสุด แบ่งออกเป็น Core Ultra 5 125H / Core Ultra 7 155H รองรับการเร่งการทำงาน AI ด้วย NPU พร้อมด้วยการ์ดจอ Intel Arc Graphics ที่แรงกว่าเดิม 2 เท่า ซึ่งมีรุ่นที่เป็นแพลตฟอร์ม Intel EVO Edition พร้อมแรม 16GB / 32GB DDR5 Bus 5600MHz (Max 32GB) ส่วนที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB แรงลื่นเพียงพอต่อการใช้งาน
ติดตั้งการ์ดจอแยก GeForce RTX 3050 / RTX 4050 (TGP 45W) ด้วย ตัวเครื่อง MSI Prestige 14 AI Studio สีสัน Stellar Gray มีความพรีเมียมและบางเบาอย่างที่สุด มีน้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัม บางที่ 18.95 มม. ส่งให้พกพาสะดวก แต่ประสิทธิภาพในการทำงานที่ทรงพลังอย่างที่สุด พร้อมความทนทานระดับ Military Standard สนับสนุนการทำงานสาย Creator แบบมืออาชีพ ที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อีกทั้งมี Fingerprint และ IR Camera ที่สแกนนิ้วหรือใบหน้า เพื่อความสะดวกและปลอดภัยผ่านทาง Windows Hello เว็บแคมเป็น FHD มีคมชัด
สำหรับ MSI Prestige 14 AI Studio ได้หน้าจอแสดงผลพาเนล IPS เกรดสูงสีตรงแม่นยำ ค่า sRGB 100% มาตรฐานความละเอียด Full HD+ (16:10) ลื่นไหลที่ 144Hz หรือรุ่นสูงกว่าจะเป็นระดับค่าสี P3 100% ที่ความละเอียด 2880 x 1800px แน่นอนว่าได้พอร์ต Thunderbolt 4 ทำงานแบบ Full Function รองรับ PD 3.1 กำลังไฟ 140W และพอร์ตอื่นๆ ครบครัน อย่าง USB-C 3.2 / LAN RJ45 / HDMU อีกทั้งได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันตามสไตล์ของ MSI ที่จัดเต็ม ไม่เกรงใจใคร แบตเตอรี่ความจุใหญ่ที่ 90 Wh ใช้งานยาวนานสูงสุดกว่า 16 ชั่วโมง
รวมถึงได้การเชื่อมต่อมาตรฐาน Wi-Fi 7 + Bluetooth 5.4 ที่ใหม่และดีที่สุด ได้ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 3 ซึ่งทำให้เราใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานและสเถียรภาพสูง ลำโพงเป็นแบบ 2W x 2 ตัว ได้เสียงคุณภาพดี อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ MSI AI Engine ช่วยปรับโหมดการใช้งานอัตโนมัติเมื่อใช้งานโปรแกรมต่างๆ แน่นอนว่าได้ Windows 11 Home และชุดโปรแกรม Office Home & Student 2021 ใช้งานได้ทันที พร้อมมี Proximity Sensor และ Ambient Light Sensor เพื่อประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า รับประกันเป็นแบบ 2 ตามสไตล์ของ MSI
VDO Review
AdminPong Verdict
เรียกว่าใครกำลังหามอง Creator Notebook รุ่นใหม่ไซซ์กำลังดี ที่ได้สเปกใหม่ โดยจัดว่าเป็น AI PC ด้วย MSI Prestige 14 AI Studio รุ่นนี้ก็ตอบโจทย์เลย จากการที่สเปกเป็น ชิปประมวลผล Intel Core Ultra ซึ่งมาพร้อมกับ NPU ต่างหาก ทำให้ช่วยประมวลผลด้าน AI โดยเฉพาะได้ อย่างที่ชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ ทำไม่ได้ รองรับการใช้งานในอนาคต พร้อมด้วยการ์ดจอแยกตัวแรง ที่เน้นนำไปใช้งานกราฟิก 3 มิติเป็นหลัก หรือใครทำงานเสร็จจะเอามาเล่นเกม ก็ดีกว่ารุ่นที่เป็น Creator Notebook ที่ไม่มีการ์ดจอแยกแน่นอน
จุดเด่นที่ใช้แล้วชอบ
- ได้สเปกชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ลื่นไหล
- เป็นชิปที่มี Neural Processing Unit (NPU) เทคโนโลยี Intel AI Boost เพื่องาน AI
- เป็น Notebook ที่ได้แพลตฟอร์ม Intel EVO Edition ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า
- ได้การ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง GeForce RTX 3050, 4050 ที่ทำงานดีเล่นเกมได้
- ติดตั้งแรม 16GB – 32GB และ SSD 1TB ความเร็วสูง ตอบโจทย์การใช้งานทันที
- หน้าจอ 14″ ใหญ่กำลังดี ที่ความละเอียด 2.8K พร้อมขอบเขตสีขั้นสูง P3 100%
- เป็น Creator Notebook จอ 14″ ตัวแรง ที่มีความบางเบาพกพาสะดวก
- ดีไซน์สวยงามสไตล์ Prestige พร้อมความทนทานมาตรฐาน Military Standard
- ได้พอร์ตครบครันอย่าง Thunderbolt 4, USB-C, USB-A, HDMI, LAN
- แบตเตอรี่ใช้งานได้เกือบ 13 ชั่วโมง + อแดปเตอร์ 140W รองรับ PD 3.1
- มีระบบสแกนนิ้ว Fingerprint และ IR Camera สแกนใบหน้าในเครื่องเดียว
- เว็บแคมเป็น FHD สนับสนุนทั้งทำงานที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ มีม่านเปิด-ปิดด้วย
- มี Proximity Sensor และ Ambient Light Sensor เพื่อการใช้งานที่ดีกว่า
- เป็น Notebook ที่ดีไซน์บานพับให้กางหน้าจอได้ 180 องศา มีปุ่ม Flip&Share
- ระบบระบายความร้อนเมื่อทำงาน Full Load ก็สามารถจัดการได้เป็นอย่างดี
ข้อควรรู้ก่อนซื้อ
- รุ่นจอ 2.8K ไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกม จากการที่จอเป็น Refresh Rate 60Hz
- การ์ดจอแยกมีค่า TGP 45W ไม่ได้แรงเท่าพวก Gaming Notebook จริงๆ
- ไม่มี SD Card Reader ในตัว ถ้าจำเป็นต้องใช้ ต้องหา Hub ต่อแยกอีกที
Specification
MSI Prestige 14 AI Studio C1UDXG-054TH ราคา 39,990 บาท
กดสั่งซื้อได้ที่ https://s.shopee.co.th/5fVX02uG73
- CPU : Intel Core Ultra 5 125H (14C/18T, up to 4.5GHz)
- GPU : Intel Arc Graphics + RTX 3050
- RAM : 16GB DDR5 Bus 5600MHz
- STORAGE : SSD M.2 PCIe NVMe Gen 4 1TB
- DISPLAY: 14″ IPS Full HD+ @144Hz, sRGB 100%
- OS : Windows 11 Home
- Software : Office Home & Student 2021
- Warranty : 2 Years (1Y Global + 1Y Thailand)
MSI Prestige 14 AI Studio C1UDXG-053TH ราคา 42,990 บาท
กดสั่งซื้อได้ที่ https://s.shopee.co.th/5fVWzCFfUE
- CPU : Intel Core Ultra 7 155H (16C/22T, up to 4.8GHz)
- GPU : Intel Arc Graphics + RTX 3050 (6GB)
- RAM : 16GB DDR5 Bus 5600MHz
- STORAGE : SSD M.2 PCIe NVMe Gen 4 1TB
- DISPLAY: 14″ IPS Full HD+ @144Hz, sRGB 100%
- OS : Windows 11 Home
- Software : Office Home & Student 2021
- Warranty : 2 Years (1Y Global + 1Y Thailand)
MSI Prestige 14 AI Studio C1VEG-052TH ราคา 49,990 บาท
กดสั่งซื้อได้ที่ https://s.shopee.co.th/LU0eH4TRL
- CPU : Intel Core Ultra 7 155H (16C/22T, up to 4.8GHz)
- GPU : Intel Arc Graphics + RTX 4050 (8GB)
- RAM : 32GB DDR5 Bus 5600MHz
- STORAGE : SSD M.2 PCIe NVMe Gen 4 1TB
- DISPLAY: 14″ IPS 2.8K @60Hz, P3 100%
- OS : Windows 11 Home
- Software : Office Home & Student 2021
- Warranty : 2 Years (1Y Global + 1Y Thailand)
Hardware / Design
สำหรับดีไซน์ MSI Prestige 14 AI Studio ให้เรียบหรูดูพรีเมียม กับพื้นผิวเรียบๆ พร้อมกับสีสัน Stellar Gray วัสดุตัวเครื่องทำมาจากแม็กนีเซีมอัลลอยด์ ตลอดทั้งตัวเครื่อง แตกต่างจาก Gaming Notebook ของทาง MSI รุ่นอื่นๆ ชัดเจน เน้นเรื่องความพรีเมียมเรียบง่าย สมกับฉายา Prestige แน่นอนว่าจะเอาไปทำงานทั่วไปก็ลงตัว หรือจะเอาไปทำงาน Creator ก็เหมาะสม หรือหลังเลิกงานแล้ว จะเล่นเกมด้วยเครื่องเดียวกันนี้ ก็ถือว่าลื่นไหล แป้นคีย์บอร์ดมีขนาดกำลังพอดี ใช้งานกดสะดวกพร้อมไฟคีย์บอร์ดสีขาวให้ความดูดี ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมกว่ารุ่นทั่วไป
พร้อมติดตั้งทัชแพดมีขนาดใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับมิติตัวเครื่อง เป็นลักษณะผืนผ้าออกแนวยาวๆ ดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่องตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดี ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก ส่วนที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่สวยงาม ทนทาน และพรีเมียม แตกต่างจากอะลูมินียมในรุ่นอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นรอยนิ้วมือได้ยาก ตัวเครื่องความทนทานระดับ Military Grade อาทิ ทนต่อการ ตกกระแทก ฝุ่นละเอง ความร้อนความเย็นความชื้น พกพาไม่ไหนมาไหนใช้งานนอกสถานทีมั่นใจได้
จุดเด่นของ MSI Prestige 14 AI Studio โดดเด่นด้วยการมีตัวเครื่องเบาเพียง 1.7 กิโลกรัม บางเฉียบ 18.95 มิลลิเมตร กับการที่เป็น Notebook สเปกแรง มีการ์ดจอแยก ที่สำคัญยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกด้านฐานล่างตัวเครื่องดูแล้วเป็นหนึ่งด้วยกับตัวเครื่องกับงานประกอบที่เรียบร้อย พร้อมมียางรองช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี สมกับเป็น Creator Notebook ปี 2024 รุ่นระดับบนของแบรนด์ เหมาะกับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คทำงานสายสร้างสรรค์ที่เน้นความแรงลื่น
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ด MSI Prestige 14 AI Studio ต้องบอกว่าแตกต่างจาก Notebook ทั่วไป กับการตอบสนองได้ดี โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด โดยมีระยะกดที่ 1.7 มิลลิเมตร ที่ไฟส่องสว่างสีขาว ให้ความพรีเมียมและใช้งานง่ายในที่แสงน้อย รวมไปถึงมีปุ่ม Hot-key ต่างๆ ที่ปุ่ม Fn แถวบน พร้อมปรับแต่งซอฟแวร์ต่างๆ ผ่าน MSI Centerได้ด้วยเช่นกัน แน่นอนมีแป้น Numpad ด้วย แต่ก็อาจจะแคบหน่อย จากการที่ตัวเครื่องมีมิติที่เล็ก เป็น Notebook ที่ดีไซน์บานพับให้กางหน้าจอได้ 180 องศา มีปุ่ม Flip&Share ที่ปุ่ม F12
ทัชแพดมีขนาดใหญ่ ถ้าเทียบกับรุ่นปีก่อนๆ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง แต่สัมผัสจะให้ความลื่นไหลมากกว่า ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด เข้ากับตัวเครื่องโดยรวม โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดี ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับลงตัว ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี พร้อมรองรับ Multi Gesture ลื่นไหล ทำงานร่วมกับ Windows 11 Home ได้เป็นอย่างดี โดยปุ่ม Power เป็นปุ่ม Fingerprint ในตัว โดยมีการติดตั้งไว้ที่มุมขวาบน
Screen / Speaker
MSI Prestige 14 AI Studio มีหน้าจอแสดงผลขนาด 14″ ความละเอียด 2.8K (2880 x 1800px) รองรับ Refresh Rate ที่ 60Hz ทำให้ภาพความลื่นไหลตามมาตรฐาน ได้เป็นพาเนล IPS คุณภาพสูง โดยให้มุมมองที่กว้าง สีสันก็สดใส เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ตามสไตล์ของ Creatoe Notebook ของ MSI พร้อมติดตั้งเว็บแคมแบบ 1080p มีชัตเตอร์เลื่อนปิดเปิดได้ และไมโครโฟนขอบด้านบน พร้อม IR Camera สแกนใบหน้าเข้าใช้งาน พร้อมมี Ambient Light Sensor และ Proximity Sensor ติดตั้งไว้ที่ขอบขอด้านบนสุด
ทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอที่มากับเครื่อง กับการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการทำงานมืออาชีพ ที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ที่นับว่าเป็นพาเนลที่ดีเยี่ยม ใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Calibrite Display Plus พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์เอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรตก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลง จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย โดยได้ค่าขอบเขตสีที่ไปได้ถึงระดับ sRGB 138% / AdobeRGB 95.1% / P3 97.7% ซึ่งถือว่าดีแบบมืออาชีพแน่นอน
ระบบเสียงก็น่าประทับใจ ด้วยลำโพงแบบ 2 ตัว (2x 2W) คุณภาพดีที่ทาง MSI ใช้งานมาอย่างยาวนาน แม้จะไม่ใช้รุ่นที่มีลำโพงหลายตัวก็ตาม (แต่ก็ขาดเสียงทุ้ม) ติดตั้งไว้ที่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน สนับสนุน VR และ 3D เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังเสียบผ่าน Audio Boost ยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการที่เป็นแจ๊คแบบชุบทองคำ จะช่วยเพิ่มรายละเอียดของคุณภาพเสียงอีกด้วย พร้อมมีฟีเจอร์ Hi-Res Audio ด้วยชิปเสียงต่างหาก
Connector / Thin and Weight
MSI Prestige 14 AI Studio เป็น Creator Notebook จอกระทัดรัดที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ติดตั้งไว้ที่มุมขวาและขอบตัวเครื่องด้านหลัง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 1 ช่อง, USB 3.2 Type-C จำนวน 1 ช่อง รองรับการเชื่อมต่อ DP 1.4 รวมถึง PD 3.0 และ Thunderbolt 4 จำนวน 1 ช่อง แบบ Full Function ซึ่งรองรับการใช้งานทั้งชาร์จไฟ PD 3.1 140W ต่อจอแยกและโอนถ่ายข้อมูล พร้อม HDMI 2.1 เพื่อเชื่อมต่อหน้าจอภายนอก อีกทั้งมี LAN RJ45 เพื่อการใช้งานเครือข่ายแบบมีสาย แต่ก็น่าเสียดายไม่มี SD Card Reader ทำให้ถ้าใครจะใช้ SD Card ต้องหา Hub ต่อเพิ่ม
เชื่อมต่อไร้สายด้วย Intel Wi-Fi 7 + Bluetooth 5.4 ได้ความสดใหม่ในเทคโนโลยี ที่เรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมต่อที่ครบถ้วนอีกหนึ่งรุ่น แต่พอร์ตถ้าให้ดีกว่า กรณีของ Thunderbolt 4 ถ้าได้มาเป็น 2 พอร์ตเลยจะดีมากๆ ส่วนของการพกพาก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 1.7 กิโลกรัม ที่สำคัญอแดปเตอร์ USB-C จ่ายไฟที่ 140 Watt นั้น มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่ารุ่นก่อนๆ เลยทีเดียว รวมๆ กันแล้วหนักเพียง 2.15 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้ MSI Prestige 16 AI Studio เป็น Creator Notebook พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวกสบายๆ เทียบกับความแรงที่ได้ ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานมืออาชีพได้จริง
Inside / Upgrade
การแกะอัปเกรดต้องแกะฝาล่าง MSI Prestige 14 AI Studio ซึ่งการแกะฝาล่างนั้นไม่ยุ่งยาก เพียงไขน๊อตประมาณ 10 ตัว โดยเมื่อแกะออกมาแล้ว ก็จะเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในทั้งหมด ติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 32GB DDR5 Bus 5600 MHz เป็น 16GB จำนวน 2 แถวแบบ SO-DIMM ซึ่งเราอัปสุดได้ที่ 32GB โดยรองรับการใช้งานได้แบบสบายชัวร์ๆ โดยมีกรอบโลหะครอบเอาไว้อยู่ ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB จำนวน 1 ตัว 1 Slot เท่านั้น ซึ่งถ้าจะอัปเกรดความจุ ก็ต้องถอดของเดิมออกก่อน และแบตเตอรี่ความจุสูงที่สุดที่ 90 Wh เท่าที่จะให้ได้แล้ว
ในส่วนของระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 3 ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนทั้งหมดถึง 4 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างซ้ายอีก 2 ช่อง พร้อม Heat Pipe แบบใหม่ที่บางพิเศษ จำนวน 3 เส้นขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมต่อกัน ส่งผลในการใช้งานแบบ Full Load ทำได้อย่างเสถียรภาพสูง ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI Notebook สามารถทำได้ง่าย โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ รวมไปถึงการใส่กลับด้วย ฉะนั้นต้องทำด้วยความระวัง
Performance / Software
โดย MSI Prestige 14 AI Studio มาพร้อมกับชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง เน้นใช้งานกับ Notebook ตัวแรง อย่าง Intel Core Ultra 7 155H กระบวนการผลิต Intel 4 เทคโนโลยีที่ 7nm พร้อมเทคโนโลยีแพ็กเกจชิปแบบ Foveros 3D Packaging โดยมี 3 กลุ่ม 3 ระดับพลังงาน อาทิ P-core เน้นประสิทธิภาพสูงสุด, E-core และ Low Power E-core บน SoC tile ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า โดยมีความเร็วในการประมวลผลอเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.80 GHz เป็นการทำงานแบบเป็น 16 Core 22 Threads อีกทั้งมี NPU อย่าง Intel AI Boost ช่วยงานด้านเร่ง AI แบบออฟไลน์
การ์ดจอเป็นแบบออนชิปอย่าง Intel Arc Graphics ตามเทคโนโลยี Core Ultra เป็นสถาปัตยกรรม Xe LPG ที่ดีกว่า Xe LP เดิมในทุกๆ มิติ มี XeSS สูงสุด 8 คอร์ ในการเพิ่มเฟรม AI อัปสเกล และรองรับ Ray Tracing อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 4050 (6GB GDDR6) ค่า TGP ตามสเปกคือ 45W ซึ่งแรงกำลังดีกับ Gaming Notebook ที่ดีไซน์บางเบา ได้ความร้อนที่ควบคุมได้ดี ได้ประสิทธิภาพสูง รองรับ DLSS + Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 23 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core Ultra 7 155H คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ กับเป็นชิปประมวลผลแบบไฮบริดคอร์แบบ 3 ประเภท เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ๆ ก็ทำได้ดี แม้ว่าอาจจะไม่ใช่รุ่นตัวแรงที่สุดอย่าง HX Series ก็ตาม ทั้งแบบ Multi Core หรือ Single Core เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างดี รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องเป็น SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB มาตรฐานแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 เมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD ทั่วไป ก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าลื่นไหลในทุกๆ การใช้งาน ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 4731 MB/s และเขียนที่ 3650 MB/s สมกับเป็น SSD ที่ติดตั้งบน Creator Notebook ระดับกลางค่อนสูง ถือว่าน่าพอใจ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6662 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปการใช้งานพื้นฐานโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผลยุคใหม่ ต้องบอกว่าคะแนนที่ได้จากการทดสอบนั้นแรงเหลือเฟือจริงๆ ทำให้เราสามารถทำงานประมวลผลไปด้วย และเล่นเกมไปด้วย ก็ทำได้ลื่นไหล
สำหรับคะแนนในการเล่นเกมจากการทดสอบการ์ดจอแยกด้วยโปรแกรม 3D Mark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 7022 และประมวลผลคาดการณ์เกม Battlefield V ปรับสุด Quad HD ได้ 70+ FPS เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ รองรับการเล่นเกม 3 มิติขั้นสูง หรือทำงาน 3 มิติที่ซับซ้อนได้เทียบเท่าการ์ดจอ PC Desktop ได้เลยล่ะ
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Wukong / Cyberpunk 20277 / Forza Horizon 5 / GTA V / SCUM กับหน้าจอ 2880 x 1800px แต่แนะนำให้เล่นที่ความละเอียด 1920 x 1200px จะเหมาะสมกว่า โดยกราฟิกในการทดสอบเลือกปรับเป็นสูงสุด โดยรวมถือว่าให้ภาพก็สวยงาม (แต่ถ้าให้ดีปรับเป็นกลางๆ ลงมาดีกว่าในการใช้งานจริงๆ ถึงจะตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้ดี) ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 29 – 112fps ด้วยการเปิด DLSS ใช้ AI ช่วยเพิ่ม FPS ด้วย
เกมออนไลน์ใช้ทรัพยากรน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 90 – 133fps กรณีเราใช้เล่นเกมจริงๆ แนะนำว่าเป็น V-Sync จะดีกว่า เครื่องก็จะได้ไม่ทำงานเต็มที่ตลอดเวลา สรุปแล้วเป็น Creator Notebook บางเบา ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ ซึ่งก็อาจะไม่ได้แรงเท่า Gaming Notebook ในช่วงราคาหรือสเปกพอๆ กัน
MSI Center เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนๆ คือ ใช้งานสะดวก สามารถช่วยเหลือ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Notebook ได้อย่างลงตัว พร้อมได้ธีมที่เข้ากับตัวเครื่อง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัปเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ และสามารถดูสภานะการทำงานได้ ซึ่งสามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Prestige 14 AI Studio มีความจุที่สูง 90Whr ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำเหลือ 10% พร้อมเลือกโหมด Super Battery ของ MSI แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขได้เกือบ 13 ชั่วโมง ซึ่งจากการทดสอบล่าสุดพบว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ดีกว่า Creator Notebook ที่เป็นรุ่นการ์ดจอแยกทั่วไป จากเครื่องสเปกที่แรงแบบนี้
ด้านการทดสอบอุณหภูมิสำหรับ Creator Notebook เครื่องนี้ที่ให้เป็น Cooler Boost 3 ได้พัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่ พร้อม Heat Pipe เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี มีความสเถียรมาก เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 45 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมด Cooler Boots เร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
ทดสอบชิปประมวลผล Core Ultra 7 155H ด้วยโปรแกรม Benchmark และเล่นเกมต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย โดยอยู่ที่ 93 องศาเซลเซียสไม่เกินจากนี้ จัดว่าค่อนข้างสูงทีเดียว แต่ก็เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอดแล้ว และการ์ดจอแยกอย่าง RTX 4050 นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีเท่าที่ได้ กับร้อนสุดที่ 88 องศาเซลเซียส ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจ