Last Updated on 01/03/2025 by admin
4 ความแตกต่างระหว่าง EV Wall Charger ราคาถูกและราคาแพง (เฉพาะค่าเครื่อง)
การเลือก EV Wall Charger สำหรับรถไฟฟ้า (BEV) หรือรถไฮบริดแบบชาร์จไฟได้ (PHEV) เพื่อติดตั้งที่บ้าน หรือที่อื่นๆ มีหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาของเครื่องชาร์จแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้านดังนี้:
1. กำลังไฟฟ้าและความเร็วในการชาร์จ:
– ราคาถูก: มักจะมีความสามารถในการชาร์จที่ต่ำกว่า เช่น 3.7 kW หรือ 7.4 kW ซึ่งใช้เวลาชาร์จนานกว่า
– ราคาแพง: มักจะมีความสามารถในการชาร์จที่สูงกว่า เช่น 11 kW หรือ 22 kW ทำให้ชาร์จได้เร็วกว่า
2. ฟีเจอร์และความปลอดภัย:
– ราคาถูก: อาจมีฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การชาร์จแบบธรรมดา ไม่มีระบบควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน หรือฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง
– ราคาแพง: มักจะมาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม หรือระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
3. วัสดุและการออกแบบ
– ราคาถูก: วัสดุอาจจะไม่ทนทานเท่ากับรุ่นที่มีราคาสูง และการออกแบบอาจจะไม่สวยงามหรือทันสมัย
– ราคาแพง: มักจะใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงกว่า ทนทานต่อสภาพอากาศ และมีการออกแบบที่สวยงามและทันสมัย
4. การติดตั้งและการรับประกัน
– ราคาถูก: อาจจะไม่มีบริการติดตั้งรวมอยู่ในราคา และการรับประกันอาจจะสั้นกว่า
– ราคาแพง: มักจะมีบริการติดตั้งรวมอยู่ในราคา และมีการรับประกันที่ยาวนานกว่า
การเลือก EV Wall Charger ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของเรา หากต้องการความสะดวกสบายและฟีเจอร์ที่ครบครัน ที่สำคัญคือความปลอดภัยไว้ใจได้ การลงทุนใน EV Wall Charger ที่มีราคาสูงอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าเราต้องการเพียงแค่การชาร์จพื้นฐาน EV Wall Charger ราคาถูกก็อาจจะเพียงพอแล้ว