Last Updated on 08/30/2023 by admin
รีวิว MSI Bravo 15 C7V (2023) สเปก Ryzen 7035HS + RTX 40
แรงสไตล์ Gaming ราคาอย่างคุ้ม เริ่ม 38,990 – 42,990 บาท
MSI Bravo 15 C7V เป็น Gaming Notebook ปี 2023 จอ 15.6″ สเปก AMD + NVIDIA ได้ความแรงคุ้มค่า จากชิปประมวลผล Ryzen 7035HS อย่าง Ryzen 5 7535HS / Ryzen 7 7735HS ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 6 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 3+ ประสิทธิภาพดี ร้อนน้อย แบตนาน ที่มีการอัปเดทการ์ดจอแยกเป็น GeForce RTX 4050 (6GB GDDR6) / RTX 4060 (8GB GDDR6) โดยมีค่า TGP 105W ซึ่งทำให้ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี แน่นอนว่าทำให้เราเล่นเกมได้ลื่นไหล
ซึ่ง MSI Bravo 15 รุ่นปี 2023 ยังได้ดีไซน์คล้ายแบบเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยไฟ RGB แบบ 4 โซน กับจอ IPS ที่รองรับ Refresh Rate 144Hz ติดตั้งหน่วยความแรมเป็นขนาด 16GB มาตรฐาน DDR5 Bus 4800Hz และใส่ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 512GB กับราคาคาดการณ์ที่เริ่มต้นเพียง 38,990 บาทเท่านั้น จนไปถึง 42,990 บาท เหมาะกับคนที่ต้องการ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ให้ความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพ โดดเด่นด้วยสเปก Ryzen 7000
ส่วนของดีไซน์ MSI Bravo 15 ยังได้ความพรีเมียม กับความเบาเพียง 2.25 กิโลกรัม อีกทั้งตัวเครื่องก็มีความบางที่ 24.9 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์ MSI Center ที่ใช้ ช่วยปรับแต่งการใช้งานให้เหมาะสม พร้อมระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมใช้งานเสถียร แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า Gaming Notebook ทั่วไป โดยมี Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ ตามมาตรฐาน MSI ของไทย ทำให้เป็น Notebook ที่น่าสนใจอีกรุ่นในตลาด
MSI Bravo 15 ได้เป็นลำโพง 2W x 2 ทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.2 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, USB 3.2 Type-C, LAN RJ-45, HDMI, Kensington lock slot พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายรุ่นใหม่อย่าง Wi-Fi 6E + Bluetooth 5.3 กับราคา 38,990 – 42,990 บาท จัดว่าเป็น Notebook ที่น่าสนใจ
VDO Review
AdminPong Verdict
MSI Bravo 15 ปี 2023 เป็นการต่อยอดมาจาก MSI Bravo 15 รุ่นปีก่อนๆ ซึ่งมีการปรับดีไซน์ใหม่ พร้อมด้วยฟีเจอร์ Gaming ใหม่ๆ ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook โดยได้สเปคแรงกว่าเดิมด้วยชิปประมวลผล Ryzen 5 7535HS / Ryzen 7 7735HS ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่แรงลื่น พร้อมจับคู่กับการ์ดจอใหม่ล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce RTX 4050 / 4060 พร้อมด้วยสเปกอื่นๆ อย่างแรมขนาด 16GB DDR5 และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 512GB
ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ ของ Gaming Notebook จากทาง MSI กันเอง ก็มีความสมเหตุสมผล รองรับการอัปเกรดที่หลากหลาย พร้อมมีซอฟต์แวร์ช่วยปรับแต่งที่ดีที่ง่ายใช้งานสะดวก แม้ว่าอาจจะไม่ใช้ Series ที่จัดเต็มเป็น Gaming ในทุกด้านเพราะไม่มีไฟ RGB แต่เรื่องระบบระบายความร้อนก็หายห่วงแม้จะดูสูงซักหน่อย ส่วนข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ คงเป็นเรื่องหน้าจอก็มีค่าขอบเขตสีน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับหน้าจอ IPS ที่เกรดสูงๆ รวมไปถึงยังมีพอร์ต USB 2.0 Type-A ติดตั้งมาอยู่
สรุปจุดเด่นของ MSI Bravo 15 C7V
- เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ Ryzen 7035HS ที่ทั้งแรง ร้อนน้อย แบตนาน
- การ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง GeForce RTX 4050 / RTX 4060 ที่ประสิทธิภาพดีขึ้นไปอีก
- มี MUX Switch บังคับใช้งานการ์ดจอแยก เพื่อเพิ่มความแรงในการเล่นเกมได้ด้วย
- ได้สเปกอื่นๆ ที่ดี ทั้งแรมขนาด 16GB DDR5 + SSD ความจุ 512GB ใช้งานได้ทันที
- หน้าจอเหมาะสมที่ขนาด 15.6″, IPS, Full HD ลื่นไหลกับ ReFresh Rate 144Hz
- ตัวเครื่องดีไซน์ดุดัน มีความเป็นเอกลักษณ์ ต่างจาก MSI Notebook รุ่นอื่นๆ
- คีย์บอร์ด Gaming แบบใหม่ ทั้งสวยงามและใช้งานได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ
- ซอฟต์แวร์ MSI Center ช่วยปรับแต่งในการใช้งาน เพิ่มความสนุกยิ่งขึ้น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 7 ชั่วโมง ใช้งานได้ทั้งวัน
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน และ USB-C เองก็ต่อจอแยกเพิ่มได้
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- ประกัน 2 ปี ซ่อมฟรี (ได้ประกันทั่วโลกปีแรก) ถือว่าเป็นมาตรฐาน MSI ที่เชื่อมั่นได้
ข้อควรรู้ก่อนซื้อ MSI Bravo 15 C7V
- ได้มาตรฐานเดิมๆ อย่างพอร์ต USB-A 2.0 / Webcam 720P
- พัดลมเสียงดังหน่อย เมื่อทำงานแบบ Full Load (ปรับรอบลงมาได้)
- หน้าจอได้ค่าขอบเขตสี sRGB ราว 60% เน้นทำงานทั่วไป ที่ไม่ใช่ Creator
Specification
สเปก MSI Bravo 15 C7VFK-096TH ราคา 38,990 บาท
กดสั่งซื้อได้เลยที่ https://shope.ee/qGDGn5ERb
- CPU : AMD Ryzen 5 7535HS (6C/12T, 3.3 – 4.55 GHz)
- GPU : Radeon 660M + GeForce RTX 4050 (6GB) TGP 105W
- RAM : 16GB DDR5 4800MHz
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 512GB
- DISPLAY: 15.6″ IPS FHD @144Hz
- OS : Windows 11 Home
- Warranty : 2 Years Carry-in Regional (1 Year Global)
สเปก MSI Bravo 15 C7VEK-097THราคา 42,990 บาท
กดสั่งซื้อได้เลยที่ https://shope.ee/99vLC8Z71K
- CPU : AMD Ryzen 7 7735HS (8C/16T, 3.2 – 4.75 GHz)
- GPU : Radeon 680M + GeForce RTX 4060 (8GB) TGP 105W
- RAM : 16GB DDR5 4800MHz
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 512GB
- DISPLAY: 15.6″ IPS FHD @144Hz
- OS : Windows 11 Home
- Warranty : 2 Years Carry-in Regional (1 Year Global)
Hardware / Design
หน้าตาการออกแบบเอง MSI Bravo 15 C7V ต้องบอกว่ามีความโดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้ดีเช่นเดิม ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอใหญ่กำลังดี แต่ก็ยังได้เรื่องของน้ำหนักที่เบา พกพาสะดวก ใกล้เคียงกับพวกรุ่นหน้าจอ 15.6″ ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน ใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมคีย์บอร์ดไฟ RGB แบบ 4 โซน ตามมาตรฐาน DNA ของ MSI Gaming 2023 ที่ให้ความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน
ซึ่งมีดีไซน์และแนวทางการออกแบบแตกต่างจาก MSI Bravo 15 รุ่นก่อนหน้าซึ่งไปในทิศทางที่ดีขึ้น ที่เป็นสเปกชิปประมวลผลและการ์ดจอตัวแรง ซึ่งเป็น Gaming Notebook ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ดูดี รูปทรงกระทัดรัด แต่ใน MSI Bravo 15 C7V จะเน้นคอนเซปที่ได้ความทันสมัยมากกว่า มีเส้นสายเหลื่ยมสันที่ลงตัวตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งด้วยน้ำหนัก 2.25 กิโลกรัม และมีความบางที่ 24.9 มิลลิเมตร ที่ต้องบอกว่ามีน้ำหนักที่มาตรฐาน แต่จากการใช้งานจริงก็ต้องบอกว่าอยู่ในเกณฑ์ของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ปกติ
วัสดุตลอดทั้งตัวเครื่องเป็นพลาสติกคุณภาพดี โดยฝาหลังก็สื่อความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมได้เต็มเปี่ยมถูกใจคอเกมอย่างสุดๆ ด้วยโลโก้มังกรแดง Thunderbird ที่เป็นแบบนู้นต่ำลงไป ซึ่งเป็นเอกลัษณ์ของ Gaming Notebook จาก MSI ที่ใช้ชิปประมวลผล AMD พร้อมกันนั้นในส่วนของขอบตัวเครื่องทั้งด้านซ้ายขวาและด้านหน้าจะมีการทำลวดลายแบบใหม่ ซึ่งขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย ส่วนที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นพลาสติกรูปแบบเดียวกับฝากหลังแบบสีดำด้านที่สวยงาม
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง MSI Bravo 15 C7V มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6″ ซึ่งมีการติดตั้งคีย์บอร์ด Full Size โดยมีการติดตั้ง Numpad แป้นตัวเลขด้วย ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ทั้งฟีลแรงกด การตอบสนองของแป้นพิมพ์ และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำได้แม่นยำ มาพร้อมไฟ RGB แบบ 4 โซน บนเทคโนโลยี Silver Lining Print ที่สวยเสริมความสวยงามให้ไฟสี RGB สว่างน่าใช้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นถึง WASD / ปุ่มทิศทาง / ปุ่ม Power และขอบปุ่ม Spacebar เป็นแบบโปร่งแสงเข้ากับตัวเครื่อง เรียกได้ว่าดีกว่ารุ่นก่อนหน้า
โดยรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ Gamers Hotkey อย่างปุ่มเร่งพัดลมให้ทำงานเต็มที่ Cooler Boots เพื่อช่วยระบายความร้อน และปุ่มเรียกใช้ Crosshair ไว้สำหรับช่วยเล็กเป้าในเกมต่างๆ ที่เป็น FPS ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของปุ่มทิศทาง พร้อมมีปุ่ม Fn + F7 ใช้ปรับโหมดการใช้งานต่างๆ และอีกมากมายในส่วนของแถวบนสุดคีย์บอร์ด ในส่วนของทัชแพดเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาทำให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน โดยปุ่มกดไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ผิวสัมผัสของทัชแพดเป็นแบบด้านๆ การใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป
Screen / Speaker
MSI Bravo 15 C7V มีหน้าจอขนาด 15.6″ ซึ่งขอบจอด้านล่างจะมีโลโก้ MSI อยู่ 1 จุด มาพร้อมความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพดี มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare มาตรฐาน แสงสว่างเพียงกับการใช้งานในบริเวณที่มีแสงจ้า พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ด้วยกว่าลื่นไหลที่มากกว่าหน้าจอ 60Hz ทั่วไป พร้อมติดตั้งเว็บแคม HD (720p) และไมโครโฟน 2 ตัว ส่วนบานพับเองก็สามารถกางได้ถึง 180 องศาทีเดียว
ทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอที่มากับเครื่อง กับการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS แบบทั่วไป ใช้เกรดกลางๆ ใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder X Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์เอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรตก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลง จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย โดยได้ค่าขอบเขตสี sRGB 68% / AdobeRGB 51% / DCI-P3 51%
ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 300 cd/m2 ขึ้นไป ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานปกติ พอใช้งานในที่กลางแจ้งได้ ความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมซ้ายบนจะมีแสงสว่างลดลงไปที่ 13% และค่าคลาดสีเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 1.46 สำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไรนัก ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 อยู่ในเกณฑ์ดี
ลำโพงของ MSI Bravo 15 C7V ยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าในส่วนใต้เครื่องตามมาตรฐน แบบขนาด 2W x 2 คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปเล็กน้อย พร้อมด้วยการใช้ระบบเสียง Hi-Res Audio และ Nahimic 3 สามารถปรับแต่งได้ เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง อย่างไรก็ตามต่อหูฟังหรือลำโพงแยกยังไงก็ดีกว่า
Connector / Thin And Weight
MSI Bravo 15 C7V เป็น Gaming Notebook จอ 15.6″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วนในระดับหนึ่ง ติดตั้งไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง อาทิ USB 3.2 Type-A จำนวน 2 ช่อง ที่ให้มาอย่างจัดเต็มรองรับการเชื่อมต่อที่เพียงพอ นอกเหนือจากนั้นยังมี RJ45, HDMI, USB 3.2 Type-C ที่รองรับการต่อจอแยก DisplayPort ได้, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone แบบ Combo อย่างไรก็ตามยังมีในส่วนของ USB 2.0 Type-A อีก 1 ช่อง แน่นอนว่ามีช่องต่อไฟอแดปเตอร์ พร้อมยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 AX
มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบากว่า Gaming Notebook ยุคก่อนๆ โดยยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่างๆ ที่เล็กกระชับกว่ารุ่นก่อนๆ โดยมีน้ำหนักที่ 2.25 กิโลกรัม ซึ่งรวมอแดปเตอร์ขนาด 180 Watt แล้วจะหนักประมาณ 3 กิโลกรัม อยู่ในเกณฑ์ปกติของ Gaming Notebook จอ 15.6″ สามารถพกพาได้ไม่ยากนักอย่างไรก็ตามถ้าเป็นคนผู้ชายจะติดตัวเอาไปทำงานตามออฟฟิศหรือน้องๆ หนุ่มๆ ไปมหาวิทยาลัยก็สามารถทำได้ แต่ก็กับสาวๆ ก็อาจจะหนักซะหน่อย
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI Bravo 15 C7V สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดของ ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI Notebook สามารถทำได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ รวมไปถึงการใส่กลับด้วย
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 16GB DDR5 Bus 4800 MHz เป็น 8GB จำนวน 2 แถว ที่รองรับการใช้งานได้แบบสบายชัวร์ๆ ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 512GB จำนวน 1 ตัว และยังสามารถอัปเกรด SSD M.2 ก็ทำได้ (แต่ต้องให้ทางศูนย์ MSI ช่วยติดตั้ง) ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนทั้งหมดถึง 3 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างซ้ายอีก 1 ช่อง พร้อม Heat Pipe แบบใหม่ที่มีการเชื่อมต่อกัน
Performance / Software
โดย MSI Bravo 15 C7V รุ่นที่รีวิว มาพร้อมกับชิปประมวลผลประสิทธิภาพดีของรุ่นปีก่อนๆ ซึ่งจะเห็นใน Gaming Notebook รุ่นใหม่หลายๆ รุ่น อย่าง AMD Ryzen 5 7535HS ที่เป็น Ryzen 7035 Series สถาปัตยกรรมเป็น Zen3+ เทคโนโลยีการผลิตที่ 6nm ซึ่งสามารถเอาไปใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง ก็ทำได้ลื่นไหล โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 3.3 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.5 GHz แบบ 6 Core / 12 Threads โดยมีค่า TDP 35W – 54W
การ์ดจอเป็นแบบออนชิปอย่าง Radeon 660M อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce RTX 4050 (6GB GDDR6) ซึ่งจัดว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นของ RTX 40 Series ค่า TGP ตามสเปกคือ 105W ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของ Gaming Notebook รุ่นใกล้ๆ กัน แต่ก็ร้อนน้อยกว่า เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook ที่มีราคาคุ้มค่า แต่ได้ประสิทธิภาพสูง รองรับ DLSS3 + Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา กับเกมใหม่ๆ ที่รองรับ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 23 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 7535HS คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจสม กับเป็นชิปประมวลผลแบบ 6 Core / 12 Thread เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ๆ ก็ทำได้ดี แม้ว่าอาจจะไม่ใช่สถาปัตยกรรมล่าสุดก็ตาม ทั้งแบบ Multi Core หรือ Single Core เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างดี รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง แต่ก็ต้องบอกว่ายังแรงน้อยกว่าหลายๆ รุ่น ในกลุ่มของ Gaming Notebook
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องเป็น SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB มาตรฐานแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 เมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD ทั่วไป ก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าลื่นไหลในทุกๆ การใช้งาน ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3392 MB/s และเขียนที่ 1742 MB/s สมกับเป็น SSD ที่ติดตั้งบน Gaming Notebook ระดับกลางค่อนสูง ถือว่าน่าพอใจ อย่างไรก็ตามอาจจะไม่เร็วมา แต่ก็พอเพียงแล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6392 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปการใช้งานพื้นฐานโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผลยุคใหม่ ต้องบอกว่าคะแนนที่ได้จากการทดสอบนั้นแรงเหลือเฟือจริงๆ ทำให้เราสามารถทำงานประมวลผลไปอย่างลื่นไหล หรือในแง่ของการนำไปเล่นเกมที่ถือว่าเป็นสิ่งหลักก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับคะแนนในการเล่นเกมจากการทดสอบการ์ดจอแยกเพื่อดูความแรง ด้วยโปรแกรม 3D Mark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 8494 และประมวลผลคาดการณ์เกม Battlefield V ปรับสุด Full HD ได้ 140+ FPS เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ รองรับการเล่นเกม 3 มิติขั้นสูง หรือทำงาน 3 มิติที่ซับซ้อนได้เทียบเท่าการ์ดจอแยก PC Desktop ได้เลยล่ะ เทียบกับ RTX 3050 ก็ถือว่าแรงขึ้น
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield 2042 / GTA V / SCUM ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้ดี ให้ภาพสวยงามสมจริง ด้วยหน้าจอสวยงาม ซึ่งให้ความเรียบเนียน ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 75 – 99 แน่นอนว่าให้ภาพที่ลื่นไหล ทำให้เราได้ประสบการณ์ในการเล่นเกมเต็มอารมณ์ แต่ถ้าพูดกันตามตรงคือ ความแรงลื่นนั้นอาจจะยังไม่ถึงจุดที่จะรองรับเกมที่กินสเปกมากนัก
เกมออนไลน์ใช้ทรัพยากรน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด ที่ 121 – 144 กรณีเราใช้เล่นเกมจริงๆ แนะนำว่าเป็น V-Sync จะดีกว่า เครื่องก็จะได้ไม่ทำงานเต็มที่ตลอดเวลา สรุปแล้ว MSI Bravo 15 C7V ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ กับสเปก Ryzen 5 7535HS + RTX 4050 แต่ส่วนตัว ถ้าจะซื้ออยากจะแนะนำ Ryzen 7 7735HS + RTX 4060 มากกว่า เพิ่มส่วนต่างน่าจะคุ้มค่ากว่า
MSI Center เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า คือ ใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ และสามารถดูสภานะการทำงานได้ ซึ่งสามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย แน่นอนว่าในการใช้งาน MSI Bravo 15 C7V เราต้องได้ใช้ MSI Center แน่นอน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Bravo 15 C7V มีความจุที่สูง 53.5Whr ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำเหลือ 10% พร้อมเลือกโหมด Super Battery ของ MSI เพื่อตั้งใจให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานที่สุด ตามความเป็นจริง แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 7:40 ชั่วโมงโดยประมาณ ซึ่งจากการทดสอบล่าสุดพบว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้น่าสนใจกับการที่เป็น Gaming Notebook สเปก AMD Ryzen 7035
ด้านการทดสอบอุณหภูมิสำหรับ MSI Bravo 15 C7V เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 6 เส้น Cooler Boost 5 ได้พัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมด Cool Boots เร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
ชิปประมวลผล Ryzen 5 7535HS ทดสอบด้วยโปรแกรม Benchmark และเล่นเกมต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย แม้ว่าจะวัดตรงๆ จากโปรแกรมไม่ได้ แต่ถ้าดูความร้อนโดยรวมของเครื่องแล้วจะอยู่ที่ 92 องศาเซลเซียสไม่เกินจากนี้ แต่ก็เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอดแล้ว และการ์ดจอแยกอย่าง RTX 4050 นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดที่ 80 องศาเซลเซียส ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว