Last Updated on 12/06/2024 by admin
วิธีเลือก EV Charger แบบ AC
ที่เป็นเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า BEV / รถยนต์ไฮริด PHEV
ต้องรู้อะไร ? ต้องดูะไรบ้าง ?
การเลือกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้การชาร์จมีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย นี่คือสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า BEV / รถยนต์ไฮริด PHEV โดยแบ่งออกเป็นข้อๆ ดังนี้
1. ประเภทของเครื่องชาร์จ
สำหรับประเภทของเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าในปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
- การชาร์จแบบธรรมดา (Normal Charge) หรือเรียกว่า AC Charger ซึ่งจะเป็นกลุ่ม Home Charger หรือ EV Charger Station ก็อาจจะมีอยู่บางสถานที่
- การชาร์จแบบเร็ว (Quick / Fast Charge) หรือเรียกว่า DC Charger ก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นกลุ่ม EV Charger Station ที่เราจะเห็นตามสถานที่ต่างๆ
ซึ่งทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการใช้กระแสไฟฟ้าในวงจร ที่ส่งผลต่อระบบการชาร์จไฟของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงระยะเวลาในการชาร์จด้วย แน่นอนว่าในการใช้งานตามบ้านของเรา ที่เราจะซื้อมาติดตั้งก็จะเป็นในกลุ่มของ AC Charger / Home Charger นั่นเอง ส่วน DC Charger จะเป็นในกลุ่มภาคธุรกิจองค์กร
2. ความเข้ากันได้ระหว่างเครื่องชาร์จและรถไฟฟ้า
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายในตอนนี้ มักจะมีพอร์ตในการชาร์จไฟอยู่ 2 แบบหลักๆ แบบแรกจะเป็น AC Charger Type 2 และอีกพอร์ตจะเป็น DC Charger ซึ่งพอร์ตนี้มักจะมาในรูปแบบพอร์ตรวม ที่สามารถใช้ชาร์จได้ทั้ง AC และ DC หรือเรียกว่า CCS Type 2 (Combined Charging System) ซึ่งรถไฟฟ้าในปัจจุบันในไทยเกือบ 100% ใช้แบบนี้อยู่ ฉะนั้นในการเลือกซื้อเครื่องชาร์จก็ไม่ต้องกังวลในส่วนนี้
- หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ AC Type 2 นิยมใช้ในรถยนต์ EV ของฝั่งยุโรปและจีน รวมไปถึงอเมริกา จะมีลักษณะหัวต่อแบบ 7 Pin จะจ่ายไฟอยู่ที่ 3.7 – 7.4kWh ในผู้ผลิตบางรายและในบางรุ่นได้มีการพัฒนาให้เป็นรูปแบบการชาร์จไฟ 3 Phase ทำให้จ่ายไฟได้มากถึง 11 – 22 kWh ซึ่งก็จะชาร์จเร็วขึ้นไป
- หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสตรง CCS Type 2 เป็นการชาร์จแบบ DC ที่ได้รับความนิยม สามารถรองรับได้ทั้งการชาร์จแบบกระแสสลับและกระแสตรงในหนึ่งเดียว โดยด้านบนสุดจะเป็นปลั๊กสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ ส่วนด้านล่างจะเป็นปลั๊กกระแสตรง รองรับการจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงได้สูงสุดถึง 360 kWh
3. ความเร็วในการชาร์จ
ความเร็วในการชาร์จขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องชาร์จและความสามารถของรถยนต์ไฟฟ้า ตัวแปรสำคัญในการชาร์จ คือ
- ขนาดแบตเตอรี่ของรถ และ % ที่เราต้องการชาร์จ ที่อาจจะเป็น 80% หรือ 100%
- ความสามารถในการรองรับกำลังไฟของรถไฟฟ้า ดูได้จากข้อมูลเชิงเทคนิคของรถแต่รุ่น
- กำลังของเครื่องชาร์จที่ต้องแบ่งเป็น AC และ DC ซึ่งถ้าเป็น Home Charger ก็ต้องเป็น AC
การชาร์จแต่ละครั้งจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ต้องดูตัวเลข 3 ตัว ควบคู่กันไป ปัจจุบันมีหัวชาร์จความเร็วสูง (DC Charger หรือ Fast charger) แน่นอนว่าชาร์จได้เร็วกว่าหัวชาร์จแบบ AC แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถรองรับของรถ EV แต่ละคัน และกำลังของเครื่องชาร์จด้วย ซึ่งถ้าเทียบกับง่ายๆ เลยในกรณีของ AC ก็คือ สมมุติว่าเครื่องชาร์จเราสูงสุดที่ 7.4kWh แลรถเราแบตเตอรี่ความจุที่ 74kW ก็จะใช้เวลาราวๆ 8 ชั่วโมง จากกรณีที่แบตเหลือ 20% และเราต้องการชาร์จให้เต็ม 100% (แต่จริงๆ เมื่อแบตใกล้เต็มกำลังไฟจะลดลง เพื่อให้เกิดความร้อนที่แบตลดลง)
4. ติดตั้ง Home Charger โดยช่างผู้ชำนาญการ
EV Charger เป็นอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดตั้งบนผนังภายในบ้าน ซึ่งจำเป็นต้องมีการติดตั้งอย่างถูกวิธีจึงควรว่าจ้างช่างผู้ชำนาญที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะถ้าเราติดตั้งเองโดยไม่ได้มีความชำนาญเกี่ยวกับระบบไฟหรืออุปกรณ์แล้ว อาจจะเกิดความเสียหายรุนแรงได้
5. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน
ก่อนติดตั้ง Home Charger ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบไฟฟ้าภายในบ้านมีความพร้อมรองรับการใช้งาน มีกระแสไฟฟ้าเพียงพอ และผ่านมาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ หากพบปัญหา ควรปรับปรุงแก้ไขระบบไฟฟ้าก่อนติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จ เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องให้ช่างผู้ชำนาญการเข้ามาสำรวจเช่นกัน
6. แบรนด์ที่น่าเชื่อถือและรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งาน
ความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือก EV Charger เราควรตรวจสอบว่า EV Charger แบรนด์นั้นๆ ว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยรองรับ รวมถึงระบบการควบคุมความร้อนและระบบความปลอดภัยอื่นๆ รวมถึงความทนทาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการชาร์จ การเลือก EV Charger จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ จะช่วยให้เรามั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการชาร์จ ซึ่งในตลาดตอนนี้ก็มีหลายตัวเลือก ทั้งฝั่งยุโรปและจีน ล่าสุดกับไต้หวันอย่างแบรนด์ MSI ที่เป็นแบรนด์คอมพิวเตอร์ระดับโลก
7. ฟีเจอร์ของ EV Charger และการเชื่อมต่อ Wi-Fi / Bluetooth
EV Charger บางรุ่นมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi / Bluetooth และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้เราสามารถกำหนดเวลาการชาร์จจากระยะไกล ตรวจสอบการใช้พลังงาน และควบคุมการชาร์จได้ ผ่านทางสมาร์ทโฟนได้ ให้เราพิจารณาว่าฟีเจอร์เหล่านี้มีความสำคัญหรือเปล่า และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเราต้องการใช้งาน EV Charger ในชีวิตประจำวัน ควรเลือก EV Charger ที่มีอินเตอร์เฟซและฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย รวมถึงระบบสื่อสารที่ชัดเจนเพื่อให้เราทราบสถานะของการชาร์จก็จะง่ายกับเราที่สุด
8. ราคาของเครื่อง EV Charger และค่าบริการติดตั้ง
ราคาของ EV Charger มีความแตกต่างกัน เราควรกำหนดงบประมาณที่เหมาะสมและเลือก EV Charger ที่ตรงตามงบประมาณ สำคัญคืออย่าลืมคิดถึงค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและอุปกรณ์ที่เราจะต้องซื้อเพิ่มเอง เช่นสายไฟ ตู้ไฟ โดยการติดตั้ง EV Charger อาจจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม ที่อาจแปรผันกับตำแหน่งที่ติดตั้ง EV Charger ที่เหมาะสม และตรวจสอบว่าระบบไฟฟ้าของเราเพียงพอสำหรับการติดตั้ง EV Charger โดยมีความปลอดภัย ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไม่กี่พันบาท หรืออาจจะหลักหมื่นบาทเลยก็เป็นไปได้
9. สรุปข้อดีและข้อจำกัดของ EV Charger แบบ AC
ข้อดีของ EV Charger แบบ AC
- เครื่องชาร์จ AC มีราคาไม่สูง ที่หลักหมื่นบาท
- เหมาะสำหรับติดตั้งที่บ้าน ที่พัก ที่อยู่อาศัย ที่มีพื้นที่การติดตั้ง
- สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าข้ามคืนได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเสื่อม
- ใช้งานง่ายมาก แค่เสียบปลั๊กเข้ากับรถไฟฟ้าก็สามารถชาร์จไฟได้เลย
ข้อจำกัดของ EV Charger แบบ AC
- ต้องใช้เวลาชาร์จที่ค่อนข้างนาน หากเทียบกับการชาร์จแบบ DC Charger
- ไม่เหมาะสำหรับการชาร์จในช่วงเวลาที่เร่งรีบ
- กำลังชาร์จเฉลี่ยอยู่ที่ 3 – 22 kW เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับรุ่นของ EV Charger)
- หากต้องการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน ต้องใช้มิเตอร์ที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 30(100)A
- ควรเดินสายไฟฟ้าจากเบรกเกอร์ที่เตรียมไว้สำหรับเครื่องชาร์จโดยเฉพาะ
สรุป การเลือก EV Charger ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญหากเราต้องการให้กระบวนการชาร์จมีประสิทธิภาพและสะดวก ลองนึกถึงความสามารถในการชาร์จของรถไฟฟ้า BEV / รถยนต์ไฮริด PHEV ระยะทางการขับขี่ในแต่ละวัน การมี EV Charger แบบ AC อยู่ที่บ้านนั้น ทำให้เราง่ายต่อการใช้งานมากๆ โดยก่อนหน้านี้เราเองสามารถเลือก EV Charger ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ได้ รวมไปถึงงบประมาณในการซื้อ และแบรนด์ EV Charger ที่เรามั่นใจ