Last Updated on 12/09/2025 by admin

วิเคราะห์เฉพาะกลุ่ม ว่าผลกระทบของ “วิกฤตราคา RAM/SSD พุ่งขึ้นทั่วโลก” จะกระทบใครบ้าง และกระทบอย่างไร โดยเน้นบริบทของ ตลาดไทย เป็นหลัก เพื่อให้ผู้ใช้แต่ละกลุ่มสามารถเตรียมตัวและวางแผนได้ตรงจุดที่สุด จากกรณีช่วงนี้ราคา RAM ถึงแพงขึ้นหนักที่สุดในรอบหลายปี? จากข่าวในช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาหน่วยความจำ (DRAM และ NAND) พุ่งขึ้นมีหลายประเด็นที่เกิด พร้อมกัน จนทำให้ตลาดเกิดภาวะขาดแคลน ซึ่งรวมถึง:

🧩 1) กลุ่มคนประกอบคอม (DIY Builder / Enthusiast / Creator)

ผลกระทบหนักที่สุดอันดับต้น ๆ

🔥 ปัญหาที่เห็นชัด

• ราคาชุด RAM DDR5 ขึ้นเฉลี่ย 25–50%

• SSD NVMe 1–2TB ราคาขึ้น 30–60%

• งบประกอบเครื่องเดิมทำสเปกให้ “ต่ำลงมาก”

📉 ตัวอย่างสถานการณ์จริงในไทย

• RAM 32GB จาก 2,800–3,200 บาท → 3,800–4,800 บาท

• SSD 2TB จาก 2,200 บาท → 3,500–4,200 บาท

🧠 ผลกระทบต่อการตัดสินใจ

• คนประกอบคอมเริ่ม “เลื่อนประกอบเครื่อง” ออกไป

• เปลี่ยนจาก RAM 32GB → 16GB

• ใช้ SSD 1TB → 512GB หรือ 1TB รุ่นราคาถูกกว่า

📌 คำแนะนำเฉพาะกลุ่ม

ซื้อเท่าที่จำเป็น — ปริมาณที่เกินความต้องการมีต้นทุนสูงมาก
อย่าซื้อเก็บสต็อก ตอนนี้ราคาอยู่ช่วงขาขึ้น การเก็บไว้ไม่ได้กำไร
หันไปตลาดมือสอง (แต่ต้องระวัง SSD ที่เขียนไปเยอะแล้ว)

---

🎮 2) เกมเมอร์ (PC Gaming / Streamer / eSport Player)

กระทบ 2 ทาง: ราคาคอมขึ้น + เกมกิน RAM มากขึ้น

🔥 ปัญหาหลัก

• เกม AAA ปี 2025–2026 กิน RAM 16–24GB เป็นเรื่องปกติ

• RAM 32GB แพงจนเกมเมอร์ลังเล

• SSD ขนาด 1–2TB แพง — เกม UE5 และเกม open-world ตัวใหญ่ใช้พื้นที่เกิน 100GB/เกม

🎯 ตัวอย่างผลกระทบ

• เกมเมอร์ใหม่อาจต้องซื้อคอมสเปกต่ำกว่าที่ต้องการ

• เกมโหลดช้ากว่า เพราะต้องใช้ SSD ความเร็วต่ำลง

• ประสิทธิภาพเกมลดลงหาก RAM ไม่พอ → stutter / hitching

📌 แนะนำเฉพาะกลุ่ม

• ระดับพื้นฐาน: 16GB RAM (2×8) + SSD 1TB ยังพอ

• ระดับเล่นจริงจัง: 32GB RAM จำเป็น แต่ไม่ต้องรีบซื้อแพง

• ถ้า SSD 2TB แพง → ใช้ 1TB แล้วเพิ่ม HDD สำหรับเก็บคลิป/เกมสำรอง

---

🏢 3) ออฟฟิศ / โรงเรียน / หน่วยงานรัฐ / บริษัทเอกชน

กระทบด้านต้นทุนการจัดซื้อ

🔍 ปัญหาที่เกิดขึ้น

• การตั้งงบซื้อคอมปี 2025 ต้องเพิ่มงบเฉลี่ย 1,000–3,000 บาทต่อเครื่อง

• คอม All-in-One / Notebook RAM 16GB ราคาสูงขึ้น

• รุ่นที่ใช้ LPDDR (อัปเกรดไม่ได้) ทำให้ต้นทุนเพิ่มถาวร

📊 ผลกระทบกับองค์กร

• อาจต้องชะลอการเปลี่ยนคอมรอบใหม่ (Refresh Cycle)

• งบจัดซื้อปีถัดไปจะปิดสเปกได้แย่ลง

• การทำงานด้าน AI/งานหนักอาจล่าช้าเพราะ RAM ไม่พอ

📌 คำแนะนำเฉพาะองค์กร

• ถ้าซื้อ 30–100 เครื่อง ควรทำ สัญญาซื้อจำนวนมาก (Bulk contract) เพื่อล็อกต้นทุน

• หากไม่จำเป็นต้องเป็น RAM 16GB → ใช้ 8GB ในงานเบา (Word, Excel)

• ถ้าต้องการ 16GB → ซื้อรุ่นที่อัปเกรดได้ (SODIMM) เพื่อเพิ่มภายหลัง

---

🛒 4) ร้านคอมไทย (System Builder / ร้านขายปลีก / ร้านประกอบเครื่อง)

เป็นกลุ่มที่รับแรงกระแทกชัดที่สุด

🔥 ปัญหาที่ร้านเจอจริง

• Distributor เริ่ม “บังคับขาย bundle” RAM + เมนบอร์ด

• ราคาทุนขึ้นแต่ลูกค้าไม่อยากจ่ายเพิ่ม → margin ลดลง

• สต็อกสินค้าเสี่ยงเพราะราคาเปลี่ยนเร็ว

• สินค้าบางอย่าง supply หาย เช่น DDR5 6000+, SSD 2TB รุ่นยอดนิยม

💸 ผลกระทบทางธุรกิจ

• ร้านเล็กกำไรลดลง 10–25%

• ปริมาณประกอบเครื่องลดลงต่อเนื่อง

• ลูกค้ามองหาโน้ตบุ๊กแทนเครื่องประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุน RAM

• RAM ราคาพุ่ง ทำให้การ upsell ยากขึ้น

📌 คำแนะนำสำหรับร้านคอมไทย

• อย่าตุนนาน — ราคาขึ้นเร็วก็จริง แต่เดี๋ยวอาจติดสต็อกไม่หมุน

• เน้นขายสินค้าที่มี margin ดีขึ้น เช่น เคส, PSU, Cooling

• แนะนำลูกค้าปรับสเปก (ตัวคูณแทนตัวบวก) เช่น

  • ลด SSD แต่เพิ่ม PSU ดีขึ้น

  • ลด RAM แต่ให้ CPU ใหม่กว่า

• ใช้กลยุทธ์ pre-order เพื่อลดความเสี่ยงต้นทุน

---

📱 5) ผู้ใช้สมาร์ตโฟนทั่วไปในไทย

กระทบแบบอ้อม แต่สำคัญมาก

🔥 สิ่งที่เกิดขึ้นจริง

• มือถือรุ่น 256GB และ 512GB เริ่มขยับราคาเพิ่ม

• ผู้ผลิตอาจลดสเปก RAM บางรุ่นเพื่อรักษาต้นทุน

• จีนกำลังพิจารณา “คืน microSD slot” เพื่อหลีกเลี่ยงราคาหน่วยความจำ

📌 คำแนะนำ

• ถ้าจะซื้อมือถือใหม่ → เลือกความจุสูงตั้งแต่แรก เพราะราคาอัปเกรดหลังซื้อนั้น “แพงกว่ามาก”

• ไม่ต้องรีบซื้อถ้ายังใช้ได้ → ปี 2025 จะเป็นปีที่ราคาหน่วยความจำสูงสุด

---

🎯 สรุปผลกระทบเฉพาะกลุ่มแบบเข้าใจง่าย