รถไฟฟ้า (BEV: Battery Electric Vehicl) กลายเป็นตัวเลือกในการซื้อซื้อรถยนต์มาใช้งานในยุคนี้ ทั้งเรื่องเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า การประหยัดค่าใช้จ่าย และยังช่วยส่งเสริมความยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอน หนึ่งในปัจจัยสำคัญของเทคโนโลยีรถไฟฟ้าคือวิธีการชาร์จ ซึ่งสามารถชาร์จด้วย AC Charger
การติดตั้ง EV Wall Charger ที่บ้านหรือที่ทำงานเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้รถไฟฟ้า (BEV) หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เลยอยากจะพาไปดูขั้นตอนการติดตั้งและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นนอกเหนือจากค่าเครื่อง ซึ่งตอนนี้ผมได้ติดตั้งใช้งานเรียบร้อยแล้ว
การใช้เครื่องชาร์จติดผนัง AC Wall Charger / EV Charger สำหรับรถไฟฟ้า (BEV) หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่บ้านเป็นวิธีที่สะดวกในการชาร์จไฟ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรปฏิบัติตามเพื่อให้การชาร์จเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
การบำรุงรักษาเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า Wall Charger / EV Charger ที่ติดตั้งอยู่ที่บ้านเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เป็นรองการดูแลรถไฟฟ้าของเราเลย เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความเสถียรภาพ
การเลือก EV Wall Charger สำหรับรถไฟฟ้า (BEV) หรือรถไฮบริดแบบชาร์จไฟได้ (PHEV) เพื่อติดตั้งที่บ้าน หรือที่อื่นๆ มีหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาของเครื่องชาร์จแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้านดังนี้
การใช้งานรถไฟฟ้า แน่นอนว่าการชาร์จไฟก็เป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการที่เราได้ชาร์จไฟรถไฟฟ้าที่บ้านก็จะเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย โดยในส่วนของ EV Charger แบบ AC จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่มเติม จะเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ ผ่านอุปกรณ์ตัวแปลง หรือ อุปกรณ์ Inverter
จากการที่ ณ ตอนนี้ ผู้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ โดยความต้องการเครื่องชาร์จไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้ว่าจะสามารถใช้สถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะได้ที่เป็นกระแสตรง DC Charger จะชาร์จไฟกลับได้เร็วกว่าหลายเท่าตัว แต่การชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านผ่าน EV Charger ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น
สำหรับผู้ที่ให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้า หรือ BEV หรือรถปลั๊กอินไฮบริด หรือ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) นอกจากข้อมูลผลิตภัณฑ์ตัวรถที่ควรจะศึกษาแล้ว รูปแบบการชาร์จรถไฟฟ้า EV Charger ถือว่าเป็นความรู้พื้นฐานที่สำคัญก่อนที่เราจะมีรถไฟฟ้ามาใช้งานซักคัน (หรือหลายคัน)
