Last Updated on 02/05/2024 by admin
Intel Core i Gen 14HX (Raptor Lake Refresh) ชิปประมวลผล
สำหรับ Gaming Notebook, Creator Notebook ประสิทธิภาพสูงสุด
Intel มีการนำเสนอชิปประมวลผล Gen 14 และ และ Series 1 ที่เป็นรุ่นใหม่ ที่มีทั้งแบบสถาปัตยกรรมเดิม และสถาปัตยกรรมใหม่ โดยออกมาครบถ้วนแล้วในปี 2024 กับในช่วงงาน CES 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นการอัปเกรดขึ้นจาก Gen 13 ในหลายด้าน เช่น ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น การเชื่อมต่อใหม่ๆ รวมไปถึงมี Series 1 มาเพิ่มเติม ซึ่งเน้นความสดใหม่ รองรับการใช้งาน AI ที่มากขึ้นด้วยการที่มี NPU และการที่เน้นแรงลื่นไฮบริดคอร์ในราคาประหยัด โดยมีการแบ่งกลุ่มของ CPU ตามประสิทธิภาพ การใช้พลังงาน และรูปแบบการใช้งานที่เหมาะสมออกมาเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน ซึ่งในเนื้อหานี้เราจะมาทำความรู้จักชิปแต่ละกลุ่ม และดูว่าชิปรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง
ในตอนนี้จะมีการกลุ่ม CPU Intel Gen 14 ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ Core i (Gen 14), Core Ultra (Series 1), Core (Series 1) พร้อมตัวอักษรห้อยท้ายของชื่อรุ่น CPU ด้วย เพื่อความสะดวกในการจดจำ พร้อมรุ่นที่หลากหลายและมากมายในการซื้อตามลักษณะการใช้งาน โดยจุดเด่นคร่าว ๆ ที่น่าสนใจของแต่ละกลุ่มก็มีดังนี้
- Core i (Raptor Lake Refresh) รหัส HX – เน้นความแรงสุด มีค่า TDP มาตรฐาน 55W
- Core Ultra (Meteor Lake) มีทั้งรหัส H และ U – ประสิทธิภาพดี มี NPU ครบเครื่อง ค่า TDP มาตรฐาน 9W – 45W
- Core (Raptor Lake) มีเฉพาะรหัส U – เน้นแรงคุ้มราคาประหยัด ค่า TDP มาตรฐาน 15W
ด้านของการรองรับแรม Intel Core i (Gen 14) ออกแบบให้รองรับได้ทั้งแรม DDR5 Bus 5600MHz เป็นมาตรฐาน ส่วน Core Ultra (Series 1) ก็จะเป็น DDR5 หรือ LPDDR5x สูงสุดที่ 7467MHz เท่านั้น ส่วน Core (Series 1) จะยังรองรับ DDR4 ได้ในบางรุ่น ในแง่หนึ่งก็อาจจะทำให้ต้องเช็คสเปคในตอนซื้อให้ดี ๆ จะได้เลือกรุ่น Notebook หรืออัปเกรดแรมได้ตรงตามความต้องการ ซึ่งก็ไม่ยากจนเกินไป แต่ในอีกแง่หนึ่งก็น่าจะช่วยเรื่องการคุมราคาต้นทุนเครื่องได้เหมือนกัน เช่น แบรนด์ผู้ผลิตจะเลือกจับคู่ชิป Core กับแรม DDR4 เพื่อให้ได้โน้ตบุ๊กสเปคดีราคาย่อมเยาก็ได้ ซึ่งประสิทธิภาพของแรม DDR4 นั้นก็ยังยอดเยี่ยมอยู่ ใช้งานไปได้อีกหลายปีแน่นอน
Intel Gen 14 HX เน้นแรง เล่นเกม ทำงานหนัก มีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่นย่อย
- Core i9- 14900HX : 24 Core (8P+16E) 32 Thread, Cache 36MB, up to 5.8GHz
- Core i7-14700HX : 20 Core (8P+12E) 28 Thread, Cache 33MB, up to 5.5GHz
- Core i7-14650HX : 16 Core (8P+8E) 24 Thread, Cache 30MB, up to 5.2GHz
- Core i5-14500HX : 14 Core (6P+8E) 20 Thread, Cache 24MB, up to 4.9GHz
- Core i5-14450HX : 10 Core (6P+4E) 16 Thread, Cache 20MB, up to 4.8GHz
ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 14HX ที่สเปคแรงสุดสำหรับชิปใน Notebook โดยเริ่มมาตั้งแต่ Core i5 ไปจนถึง Core i9 เลย ซึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจคือกลุ่มของ Core i9 ที่ใส่คอร์ประมวลผลรวมมาสูงถึง 24 คอร์ แบ่งเป็น P-Core ที่เน้นความแรง และ E-Core สำหรับงานทั่วไปและงานเบื้องหลังอีก 16 คอร์ รองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์ซ้อนกันได้ดีด้วย APO ด้านของสิ่งที่พัฒนาขึ้นมา เมื่อเทียบกับ Gen 13 ที่เห็นชัดสุดตามที่ Intel แจ้งไว้ก็จะเป็นประสิทธิภาพในการเล่นเกมและทำงานที่หลากหลาย รวมไปถึงมาตรฐานการเชื่อมต่อก็จะรองรับ Thunderbolt 5, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 แล้ว
สำหรับรหัสเลขรุ่น CPU แน่นอนว่าทุกรุ่นจะขึ้นต้นด้วย 14 ที่บอก gen และลงท้ายด้วยชื่อซีรีส์อย่าง HX แต่จะมีเลข 3 ตัวที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งใช้เป็นเลขแบ่งรุ่นย่อยลงไปอีกทีครับ ทีนี้แม้จะดูเหมือนว่าเลข 3 ตัวนั้นค่อนข้างใกล้กันอย่าง i7-14700HX กับ i7-14650HX รวมถึงราคาโน้ตบุ๊กที่ออกมานั้นอาจจะใกล้เคียงกันด้วย คล้ายกับใน Intel Gen 13 แต่พอเทียบสเปคจริง ๆ ก็ต้องบอกว่ามันมีรายละเอียดที่ต่างกันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคอร์ที่น้อยกว่า ซึ่งส่งผลถึงความเร็วที่ต่างกันด้วย จำนวนหน่วยประมวลผลกราฟิกก็ต่างกันเป็นเท่าตัว ในขณะที่การกินไฟนั้นไม่ได้ต่างกันมากนัก
อย่างถ้าต้องการ Gaming Notebook ที่สามารถสตรีมไป เล่นไปได้สะดวก ก็คงต้องมองหาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิปที่มีคอร์และหน่วยประมวลผลกราฟิกเยอะหน่อย เพื่อช่วยในการสตรีม เช่น i7-14700HX ขึ้นไป หรือถ้าจำกัดงบนิดนึงก็เลือกเป็น i5-14500HX ที่มีคอร์กราฟิกเยอะกว่ารุ่นอื่นนิดนึง แต่ถ้าอยากได้มาเล่นเกมอย่างเดียว หรือใช้ทำงานเป็นหลัก แบบที่จะใช้คอร์พิเศษอย่าง CUDA ของชิปการ์ดจอแยกในการประมวลผลมากกว่าอยู่แล้ว ก็อาจจะขยับลงมาเป็น i7-14650HX, i5-14450HX ก็ยังสบาย ๆ ซึ่งตัวการ์ดจอออนชิปก็ยังเป็น Intel Iris Xe Graphics ที่ไม่ได้เน้นอยู่แล้ว
โดย Notebook ที่เป็น Intel Core i Gen 14HX ก็จะเปิดราคามาราว ๆ 4x,xxx บาท จนไปถึงระดับ 1xx,xxx บาท ด้วยความที่นอกจาก CPU จะเป็นกลุ่มเน้นประสิทธิภาพสูงแล้ว การ์ดจอแยกก็จะเป็น RTX 4050 ขึ้นไป จนไปถึง RTX 4090 ส่วนระบบระบายความร้อนก็จัดเต็มเพื่อที่จะตอบสนองความร้อนที่มาพร้อมกับความแรงได้ ส่วนสเปกจอเองก็ต้องยกระดับมาให้สมกับเป็น Notebook ที่เริ่มต้นเป็น Full HD ที่ Refresh Rate 144Hz ที่ค่าขอบเขตสี sRGB 100% ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ จะให้มามากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็น Gaming Notebook หรือ Creator Notebook ในกลุ่มราคาไหน