Last Updated on 02/02/2024 by admin
Intel Core Ultra (Series 1) ชิปประมวลผล Notebook 2024 เทคโนโลยี 7nm
มาพร้อม U / H Series เพิ่ม NPU เร่งการทำงาน AI และชิปกราฟิก Arc แรงขึ้น
การมาของ Intel Core Ultra เป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทาง Intel ซึ่งจะมาแทนที่ Intel Core i ที่ใช้มาอย่างยาวนานหลายปี โดยเป็นชิปประมวลผลที่แยกสายออกมาจาก Gen 14 เป็น Series 1 บนสถาปัตยกรรม Meteor Lake ทำงานแบบ Hybrid ที่จะมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ล่าสุดทาง Intel ได้เปิดตัวอย่างทางการ พร้อมเผยรุ่นต่างๆ แล้ว โดยเป็น Gen แรกที่ใช้กระบวนการผลิต Intel 4 เทคโนโลยีที่ 7nm พร้อมกับเทคโนโลยี tile ที่แบ่งส่วนต่างๆ ของชิปจากหลายโรงงาน (บางชิ้นผลิตโดย TSMC) และเทคโนโลยีแพ็กเกจชิปแบบ Foveros 3D Packaging โดยมี 3 กลุ่ม 3 ระดับพลังงาน อาทิ P-core บน Compute tile เน้นประสิทธิภาพสูงสุด, E-core บน Compute tile และ E-core บน SoC tile ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า
ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันผ่าน Intel Thread Director โดย Intel เรียกสถาปัตยกรรมนี้ว่า 3D Performance Hybrid Architecture ซึ่งนับว่าเป็นการต่อยอดมาจากรุ่นก่อนๆ นอกจากนี้ยังเป็นชิปตัวแรกที่จะมีวงจรเร่งความเร็ว AI อย่าง neural processing unit (NPU) ที่ฝังมาให้ในตัวโดยเฉพาะด้วย โดยพัฒนาให้ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Windows Copilot ที่เป็น AI ของ Microsoft ที่อยู่บนระบบปฏิบัติการ Windows 11 ได้เลย พร้อมมีการ์ดจอออนชิป Intel Arc ซึ่งเป็น สถาปัตยกรรม Xe LPG ที่ดีกว่า Xe LP เดิมในทุกๆ มิติ มี XeSS สูงสุด 8 คอร์ ในการเพิ่มเฟรม AI อัปสเกล และรองรับ Ray Tracing ให้ภาพสวยสมจริง ซึ่งเทียบเท่าการ์ดจอแยก Intel Arc A380 ทำให้การทำงานหรือเล่นเกม 3 มิติดีขึ้น 2 เท่า
Core Ultra ยังใช้เลขที่เราคุ้นเคย 5, 7, 9 แยกตามประสิทธิภาพ พร้อมมีตัวรหัส Series ส่วนท้ายบอกการใช้พลังงานคือ H (TDP 28W – 45W) ใช้จีพียู Arc กับ U (TDP 9W – 15W) โดยแบ่งเป็นรุ่นที่ใช้กาาร์ดจอออนชิป Intel Graphics และ Intel Arc แยกจากกัน อีกอย่างที่สำคัญยังมีการเปลี่ยนแปลงคือเลขประจำรุ่นชิปประมวลผลลดลงมาเหลือ 3 หลัก แทนระบบเลข 4 หลักแบบเดิมๆ ที่ใช้กันมาหลายปี โดยรุ่นที่เปิดตัวในรอบนี้มีด้วยกัน 8 รุ่น คือ Core Ultra 7 165H จนไปถึง Core Ultra 5 125U และจะมีตามมาเพิ่มอีกชุดในช่วง Q1 ของปี 2024 โดยเมื่อเทียบประสิทธิภาพ Core Ultra 7 165H ดีขึ้นจากรุ่นก่อน Core i7-1370P ที่ 8% และหากเทียบกับ AMD Ryzen 7840U ดีกว่า 11% (ตามภาพ)
แบ่งออกเป็น Core Ultraตอนนี้แบ่งออกเป็น 11 รุ่นดังนี้
- Core Ultra 9 185H : 16C/22T, up to 5.1GHz, Arc Xe GPU Core 8 up to 2.35GHz, TDP 45W
- Core Ultra 7 165H : 16C/22T, up to 5.0GHz, Arc Xe GPU Core 8 up to 2.3GHz, TDP 28W
- Core Ultra 7 155H : 16C/22T, up to 4.8GHz, Arc Xe GPU Core 8 up to 2.25GHz, TDP 28W
- Core Ultra 5 135H : 14C/18T, up to 4.6GHz, Arc Xe GPU Core 7 up to 2.2GHz, TDP 28W
- Core Ultra 5 125H : 14C/18T, up to 4.5GHz, Arc Xe GPU Core 7 up to 2.2GHz, TDP 28W
- Core Ultra 7 165U : 12/14T, up to 4.9GHz, Arc Xe GPU Core 4 up to 2GHz, TDP 15W
- Core Ultra 7 155U : 12/14T, up to 4.8GHz, Arc Xe Core 4 up to 1.95GHz, TDP 15W
- Core Ultra 5 135U : 12/14T, up to 4.4GHz, Arc Xe Core 4 up to 1.9GHz, TDP 15W
- Core Ultra 5 125U : 12/14T, up to 4.3GHz, Arc Xe Core 4 up to 1.85GHz, TDP 15W
- Core Ultra 7 164U : 12/14T, up to 4.8GHz, Graphics Core 4 up to 1.8GHz, TDP 9W
- Core Ultra 5 134U : 12/14T, up to 4.4GHz, Graphics Core 4 up to 1.75GHz, TDP 9W
ในส่วนรายละเอียดอื่นๆ ของ Core Ultra ที่เป็นชิปประมวลผลใน Notebook ก็ยังจะมาพร้อมกับแพลตฟอร์ม Intel EVO Edition ที่ได้มาตรฐานล้ำกว่าเดิมในหลายๆ ด้าน พร้อมการรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Thunderbolt 4 และ DisplayPort 2.1 อีกทั้งยังรองรับแรมมาตรฐาน DDR5-5600 สูงสุด 96GB และมาตรฐาน LPDDR5x-7467 สูงสุด 64GB เรียกได้ว่าโดยรวมแล้วมีการยกระดับในหลายๆ นอกจากนี้การมาของ Core Ultra ที่เป็น Intel Gen 14 (Meteor Lake) รหัส U, H Series จะมีการทำตลาด ควบคู่ไปกับ Core i ที่เป็น Gen 14 รหัส HX (Raptor Lake Refresh) ซึ่งจะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า ซึ่งจะอยู่ในกลุ่ม Gaming Notebook ระดับบน ที่จะมีการเปิดตัวในงาน CES 2024 ที่จะถึงนี้
ที่มา Intel