รีวิว MSI Prestige 16 AI Studio สเปก Core Ultra 7 155H + RTX 4060 เบา 1.7 โล จอ QHD+, สี P3 100% ฟีเจอร์แน่น

Last Updated on 03/21/2024 by admin

รีวิว MSI Prestige 16 AI Studio สเปก Core Ultra 7 155H + RTX 4060
เบา 1.7 โล จอ QHD+, สี P3 100% ฟีเจอร์แน่น ราคา 72,990 บาท

MSI Prestige 16 AI Studio ปี 2024 เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นล่าสุดสาย Creator & Productivity มีความสดใหม่สเปก Intel Core Ultra หน้าจอ 16″ IPS QHD+ พร้อมค่าสี P3 100% ที่มีตัวเครื่องเบาเพียง 1.7 กิโลกรัม บางเฉียบ 16.85 – 18.95 มิลลิเมตร ได้สีสัน Stellar Gray วัสดุตัวเครื่องทำมาจากแม็กนีเซีมอัลลอยด์ โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพและฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งใช้เป็นชิปประมวล Core Ultra 7 155H ตัวแรงล้ำกว่ารุ่นก่อนๆ มี Intel Boost (NPU) รองรับงานได้ AI ได้ดีกว่า พร้อมการทำงานแบบไฮบริดคอร์ที่ลื่นไหลมากกว่า พร้อมได้การ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 4060 ตอบโจทย์งาน 3D หรือเล่นเกมก็ลื่นๆ

MSI Prestige 16 AI Studio

ซึ่ง Intel ได้ร่วมมือกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่รองรับร่วมกันกับ AI เพื่อมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งรุ่นนี้ยังเป็น NVIDIA Studio ตอบโจทย์งาน Creator พร้อมกับที่ MSI ได้นำเสนอนวัตกรรมตัวใหม่อย่าง MSI AI Engine มอบประสบการณ์ในการทำงานโดยใช้ AI เข้ามาช่วยในปรับแต่งการตั้งค่าโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งาน มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยจะมีหลักการทำงาน อาทิ เช่น Intelligent Gaming, Intelligent Work, Intelligent Meeting และ Intelligent Entertainmen เป็นต้น ส่งผลให้สามารถนำ MSI Prestige 16 AI Studio ไปใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในการใช้งานรอบด้าน เรียกได้ว่าเป็นการดึงพลังจาก Core Ultra มานั่นเอง

VDO Review

AdminPong Verdict

MSI Prestige 16 AI Studio ยังมาพร้อมการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่ที่ดีว่าเดิม อย่าง Intel Arc Graphics ช่วยให้การทำงานด้านประมวลผลงาน 3 มิติ หรือเล่นเกมได้ลื่นไหล เทียบเท่าการ์ดจอแยก พร้อมแรมขนาด 32GB LPDDR5 Bus 6400Hz และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่ 1TB พร้อมด้วยฟีเจอร์สแกนนิ้ว Fingerprint และสแกนใบหน้า IR เว็บแคมเป็น FHD ที่คมชัดได้ HDR และมี 3D Noise Reduction+ (3DNR+) ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันจากที่ความจุ 99Wh นอกจากนี้ยังมี Ambient Light Sensor และ Proximity Sensor ที่ทำให้ได้ฟีเจอร์ที่มากกว่ารุ่นทั่วไป ตัวเครื่องความทนทานระดับ Military Grade ที่มั่นใจ

การเชื่อมต่อ MSI Prestige 16 AI Studio ครบครันด้วย Thunderbolt 4 x 2 และ Wi-Fi 7 + BT5.4 ที่จัดว่าใหม่สุดดีที่สุด เชื่อมต่อชาร์จไฟ PD 3.1 ที่กำลังไฟสูงสุด 140W สนับสนุนทั้งงานมืออาชีพและเล่นเกมที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊กบางเบารุ่นอื่นๆ มีการติดตั้ง Windows 11 Home พร้อมใช้งาน อีกทั้งมีการติดตั้ง Office Home & Student 2021 ได้ โปรแกรม Word, Excel, Power Point มาให้ทันที และ MSI Center Pro ช่วยจัดการ อีกทั้งได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันตามสไตล์ของ MSI และมี Enterprise-Grade Security เหมาะกับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คทำงาน Creator ที่เน้นความแรงลื่นและสีสันเที่ยงตรงในน้ำหนักตัวเครื่องเบา พกพาสะดวก

จุดเด่นที่ใช้แล้วชอบ

  • ได้สเปกชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ลื่นไหล
  • เป็นชิปที่มีเทคโนโลยี Intel AI Boost อย่าง Neural Processing Unit (NPU)
  • เป็น Notebook การ์ดจอแยกที่ได้ Intel EVO ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า
  • ได้การ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 4060 ที่ทำงานดีเล่นเกมได้
  • สเปกอื่นๆ ติดตั้งแรม 32GB และ SSD 1TB ความเร็วสูง ตอบโจทย์การใช้งานทันที
  • หน้าจอ 16″ ใหญ่กำลังดี ที่ความละเอียด QHD+ พร้อมขอบเขตสี P3 100%
  • เป็น Creator Notebook จอ 16″ ตัวแรง ที่มีความบาง 16.85 ม.ม. และเบา 1.7 โล
  • ตัวเครื่องมีความเข็งแรงทนทานกับการใช้งานมาตรฐาน Military Standard
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 15 ชั่วโมง พร้อมได้อแดปเตอร์ 140W เป็น USB-C (PD 3.1)
  • คีย์บอร์ดกดใช้งานได้ดีกว่า Notebook บางเบาทั่วไป จากระยะกด 1.7 ม.ม.
  • มีระบบสแกนนิ้ว Fingerprint และ IR Camera สแกนใบหน้าในเครื่องเดียว
  • เว็บแคมเป็น FHD สนับสนุนทั้งทำงานที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ มีม่านเปิด-ปิดด้วย
  • มีฟีเจอร์ Tobii Aware ทำหน้าที่ตรวจจับล็อตเครื่องอัตโนมัติ เมื่อเราไม่อยู่
  • ได้พอร์ตครบอย่าง Thunderbolt 4, USB-A, HDMI, LAN, SD Card Reader
  • เป็น Notebook ที่ดีไซน์บานพับให้กางหน้าจอได้ 180 องศา มีปุ่ม Flip&Share
  • ระบบระบายความร้อนพัดลม 2 ตัว มีฮีท์ไปป์ 3 เส้น ทำงาน Full Load ได้สบาย
  • ได้การเชื่อมไร้สาย Wi-Fi 7 มีระบบ Killer ทำให้เราสามารถจัดการ Network ได้

ข้อควรรู้ก่อนซื้อ

  • จอไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกม จากการที่จอเป็น Refresh Rate 60Hz
  • การ์ดจอแยกมีค่า TGP 55W ไม่ได้แรงเท่าพวก Gaming Notebook จริงๆ

Specification

MSI Prestige 16 AI Studio B1VFG-028TH ราคา 72,990 บาท
กดสั่งซื้อได้ที่
https://shope.ee/A9t1F7mtko

  • CPU : Intel Core Ultra 7 155H : 16C/22T, up to 4.8GHz
  • GPU : Intel Arc Graphics + GeForce RTX 4060 (55W)
  • RAM : 32GB LPDDR5 Bus 6400 MHz
  • DISPLAY: 16″ IPS QHD+ @60Hz P3 100% @60Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • Software : Office Home & Student 2021
  • OS : Windows 11 Home
  • Warranty : 2 Years (1 year Global+ 1 Year Thailand)

MSI Prestige 16 AI EVO B1MG-018TH ราคา 54,990 บาท
กดสั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/7fC39oR6fO

  • CPU : Intel Core Ultra 7 155H : 16C/22T, up to 4.8GHz
  • GPU : Intel Arc Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR5 Bus 6400 MHz
  • DISPLAY: 16″ IPS QHD+ @60Hz P3 100%
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • Software : Office Home & Student 2021
  • OS : Windows 11 Home
  • Warranty : 2 Years (1 year Global+ 1 Year Thailand)

*** นอกจากนี้ยังรุ่น Evo ที่ไม่มีการ์ดจอแยกด้วยด้วย

Hardware / Design

สำหรับดีไซน์ MSI Prestige 16 AI Studio ให้เรียบหรูดูพรีเมียม กับพื้นผิวเรียบๆ พร้อมกับสีสัน Stellar Gray วัสดุตัวเครื่องทำมาจากแม็กนีเซีมอัลลอยด์ ตลอดทั้งตัวเครื่อง แตกต่างจาก Gaming Notebook ของทาง MSI รุ่นอื่นๆ ชัดเจน เน้นเรื่องความพรีเมียมเรียบง่าย สมกับฉายา Prestige แน่นอนว่าจะเอาไปทำงานทั่วไปก็ลงตัว หรือจะเอาไปทำงาน Creator ก็เหมาะสม หรือหลังเลิกงานแล้ว จะเล่นเกมด้วยเครื่องเดียวกันนี้ ก็ถือว่าลื่นไหล แป้นคีย์บอร์ดมีขนาดกำลังพอดี ใช้งานกดสะดวกพร้อมไฟคีย์บอร์ดสีขาวให้ความดูดี ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมกว่ารุ่นทั่วไป

พร้อมติดตั้งทัชแพดมีขนาดใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับมิติตัวเครื่อง เป็นลักษณะผืนผ้าออกแนวยาวๆ ดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่องตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดี ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก ส่วนที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่สวยงาม ทนทาน และพรีเมียม แตกต่างจากอะลูมินียมในรุ่นอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นรอยนิ้วมือได้ยาก ตัวเครื่องความทนทานระดับ Military Grade อาทิ ทนต่อการ ตกกระแทก ฝุ่นละเอง ความร้อนความเย็นความชื้น พกพาไม่ไหนมาไหนใช้งานนอกสถานทีมั่นใจได้

จุดเด่นของ MSI Prestige 16 AI Studio โดดเด่นด้วยการมีตัวเครื่องเบาเพียง 1.7 กิโลกรัม บางเฉียบ 16.85 – 18.95 มิลลิเมตร กับการที่เป็น Notebook สเปกแรง มีการ์ดจอแยก ที่สำคัญยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกด้านฐานล่างตัวเครื่องดูแล้วเป็นหนึ่งด้วยกับตัวเครื่องกับงานประกอบที่เรียบร้อย พร้อมมียางรองช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี สมกับเป็น Creator Notebook ปี 2024 รุ่นระดับบนของแบรนด์ เหมาะกับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คทำงานสายสร้างสรรค์ที่เน้นความแรงลื่น

Keyboard / Touchpad

คีย์บอร์ด MSI Prestige 16 AI Studio ต้องบอกว่าแตกต่างจาก Notebook ทั่วไป กับการตอบสนองได้ดี โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด โดยมีระยะกดที่ 1.7 มิลลิเมตร ที่ไฟส่องสว่างสีขาว ให้ความพรีเมียมและใช้งานง่ายในที่แสงน้อย รวมไปถึงมีปุ่ม Hot-key ต่างๆ ที่ปุ่ม Fn แถวบน พร้อมปรับแต่งซอฟแวร์ต่างๆ ผ่าน MSI Centerได้ด้วยเช่นกัน แน่นอนมีแป้น Numpad ด้วย แต่ก็อาจจะแคบหน่อย จากการที่ตัวเครื่องมีมิติที่เล็ก เป็น Notebook ที่ดีไซน์บานพับให้กางหน้าจอได้ 180 องศา มีปุ่ม Flip&Share ที่ปุ่ม F12

ทัชแพดมีขนาดใหญ่ ถ้าเทียบกับรุ่นปีก่อนๆ  โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง แต่สัมผัสจะให้ความลื่นไหลมากกว่า ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด เข้ากับตัวเครื่องโดยรวม โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดี ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับลงตัว ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี  พร้อมรองรับ Multi Gesture ลื่นไหล ทำงานร่วมกับ Windows 11 Home ได้เป็นอย่างดี โดยปุ่ม Power เป็นปุ่ม Fingerprint ในตัว โดยมีการติดตั้งไว้ที่มุมขวาบน

Screen / Speaker

MSI Prestige 16 AI Studio มีหน้าจอแสดงผลขนาด 16″ ความละเอียด QHD+ (2560 x 1600px) รองรับ Refresh Rate ที่ 60Hz ทำให้ภาพความลื่นไหลตามมาตรฐาน ได้เป็นพาเนล IPS คุณภาพสูง โดยให้มุมมองที่กว้าง สีสันก็สดใส เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ตามสไตล์ของ Creatoe Notebook ของ MSI พร้อมติดตั้งเว็บแคมแบบ 1080p มีชัตเตอร์เลื่อนปิดเปิดได้ และไมโครโฟนขอบด้านบน พร้อม IR Camera สแกนใบหน้าเข้าใช้งาน พร้อมมี Ambient Light Sensor และ Proximity Sensor ติดตั้งไว้ที่ขอบขอด้านบนสุด

ทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอที่มากับเครื่อง กับการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการทำงานมืออาชีพ ที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ที่นับว่าเป็นพาเนลที่ดีเยี่ยม ใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Calibrite Display Plus พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์เอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรตก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลง จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย โดยได้ค่าขอบเขตสีที่ไปได้ถึงระดับ sRGB 142% / AdobeRGB 98.4% / P3 101.1% ซึ่งถือว่าดีมากๆ

ระบบเสียงก็น่าประทับใจ ด้วยลำโพงแบบ 2 ตัว (2x 2W) คุณภาพดีที่ทาง MSI ใช้งานมาอย่างยาวนาน แม้จะไม่ใช้รุ่นที่มีลำโพงหลายตัวก็ตาม (แต่ก็ขาดเสียงทุ้ม) ติดตั้งไว้ที่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน สนับสนุน VR และ 3D เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังเสียบผ่าน Audio Boost ยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการที่เป็นแจ๊คแบบชุบทองคำ จะช่วยเพิ่มรายละเอียดของคุณภาพเสียงอีกด้วย พร้อมมีฟีเจอร์ Hi-Res Audio ด้วยชิปเสียงต่างหาก

Connector / Thin and Weight

MSI Prestige 16 AI Studio เป็น Creator Notebook หน้าจอ 16″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ติดตั้งไว้ที่มุมขวาและขอบตัวเครื่องด้านหลัง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 1 ช่อง, USB 3.2 Type-C จำนวน 1 ช่อง รองรับการเชื่อมต่อ DisplayPort 1.4 รวมถึง Power Delivery 3.1 และ Thunderbolt 4 จำนวน 1 ช่อง แบบ Full Function ซึ่งรองรับการใช้งานทั้งชาร์จไฟ ต่อจอแยกและโอนถ่ายข้อมูล พร้อม HDMI 2.1 เพื่อเชื่อมต่อหน้าจอภายนอก อีกทั้งมี LAN RJ45 (Up to 2.5G) เพื่อการใช้งานเครือข่ายแบบมีสาย รวมไปถึงมี SD Card Reader เหมาะกับสาย Creator ที่ได้ใช้งาน SD Card บ่อยๆ

เชื่อมต่อไร้สายด้วย Intel Wi-Fi 7 + Bluetooth 5.4 ได้ความสดใหม่ในเทคโนโลยี ที่เรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมต่อที่ครบถ้วนอีกหนึ่งรุ่น แต่พอร์ตถ้าให้ดีกว่า กรณีของ Thunderbolt 4 ถ้าได้มาเป็น 2 พอร์ตเลยจะดีมากๆ ส่วนของการพกพาก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 1.7 กิโลกรัม ที่สำคัญอแดปเตอร์ USB-C จ่ายไฟที่ 140 Watt นั้น มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่ารุ่นก่อนๆ เลยทีเดียว รวมๆ กันแล้วหนักเพียง 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้ MSI Prestige 16 AI Studio เป็น Creator Notebook พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวกสบายๆ เทียบกับความแรงที่ได้ ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานมืออาชีพได้จริง

Inside / Upgrade

การแกะอัปเกรดต้องแกะฝาล่าง MSI Prestige 16 AI Studio ซึ่งการแกะฝาล่างนั้นไม่ยุ่งยาก เพียงไขน๊อตประมาณ 10 ตัว โดยเมื่อแกะออกมาแล้ว ก็จะเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในทั้งหมด ติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 32GB LPDDR5x Bus 6400 MHz เป็น 16GB จำนวน 2 แถวแบบออนบอร์ด แน่นอนว่าอัปเกรดใดๆ ไม่ได้ ที่รองรับการใช้งานได้แบบสบายชัวร์ๆ โดยมีกรอบโลหะครอบเอาไว้อยู่ ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB จำนวน 1 ตัว 1 Slot เท่านั้น ซึ่งถ้าจะอัปเกรดความจุ ก็ต้องถอดของเดิมออกก่อน และแบตเตอรี่ความจุสูงที่สุดที่ 99.9 Wh เท่าที่จะให้ได้แล้ว

ในส่วนของระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 3 ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนทั้งหมดถึง 3 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างซ้ายอีก 1 ช่อง พร้อม Heat Pipe แบบใหม่ที่บางพิเศษ จำนวน 3 เส้นขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมต่อกัน ส่งผลในการใช้งานแบบ Full Load ทำได้อย่างเสถียรภาพสูง ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI Notebook สามารถทำได้ง่าย โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ รวมไปถึงการใส่กลับด้วย ฉะนั้นต้องทำด้วยความระวัง

Performance / Software

โดย MSI Prestige 16 AI Studio มาพร้อมกับชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง เน้นใช้งานกับ Notebook ตัวแรง อย่าง Intel Core Ultra 7 155H กระบวนการผลิต Intel 4 เทคโนโลยีที่ 7nm พร้อมเทคโนโลยีแพ็กเกจชิปแบบ Foveros 3D Packaging โดยมี 3 กลุ่ม 3 ระดับพลังงาน อาทิ P-core เน้นประสิทธิภาพสูงสุด, E-core และ Low Power E-core บน SoC tile ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า โดยมีความเร็วในการประมวลผลอเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.80 GHz เป็นการทำงานแบบเป็น 16 Core 22 Threads อีกทั้งมี NPU อย่าง Intel AI Boost ช่วยงานด้านเร่ง AI แบบออฟไลน์

การ์ดจอเป็นแบบออนชิปอย่าง Intel Arc Graphics ตามเทคโนโลยี Core Ultra เป็นสถาปัตยกรรม Xe LPG ที่ดีกว่า Xe LP เดิมในทุกๆ มิติ มี XeSS สูงสุด 8 คอร์ ในการเพิ่มเฟรม AI อัปสเกล และรองรับ Ray Tracing  อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 4060 (8GB GDDR6) ค่า TGP ตามสเปกคือ 55W ซึ่งแรงกำลังดีกับ Gaming Notebook ที่ดีไซน์บางเบา ได้ความร้อนที่ควบคุมได้ดี ได้ประสิทธิภาพสูง รองรับ DLSS + Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 23 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core Ultra 7 155H คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ กับเป็นชิปประมวลผลแบบไฮบริดคอร์ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ๆ ก็ทำได้ดี แม้ว่าอาจจะไม่ใช่รุ่นล่าสุดก็ตาม ทั้งแบบ Multi Core หรือ Single Core เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างดี รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนที่เน้นการทำงานเป็นหลัก

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องเป็น SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB มาตรฐานแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 เมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD ทั่วไป ก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าลื่นไหลในทุกๆ การใช้งาน ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 7098 MB/s และเขียนที่ 5236 MB/s สมกับเป็น SSD ที่ติดตั้งบน Creator Notebook ระดับกลางค่อนสูง ถือว่าน่าพอใจ

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 7200 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปการใช้งานพื้นฐานโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผลยุคใหม่ ต้องบอกว่าคะแนนที่ได้จากการทดสอบนั้นแรงเหลือเฟือจริงๆ ทำให้เราสามารถทำงานประมวลผลไปด้วย และเล่นเกมไปด้วย ก็ทำได้ลื่นไหล

สำหรับคะแนนในการเล่นเกมจากการทดสอบการ์ดจอแยกด้วยโปรแกรม 3D Mark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 8934 และประมวลผลคาดการณ์เกม Battlefield V ปรับสุด Quad HD ได้ 85+ FPS เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ รองรับการเล่นเกม 3 มิติขั้นสูง หรือทำงาน 3 มิติที่ซับซ้อนได้เทียบเท่าการ์ดจอ PC Desktop ได้เลยล่ะ

ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Cyberpunk 20277 / Forza Horizon 5 / GTA V / SCUM ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้ดี ให้ภาพสวยงามสมจริง ด้วยหน้าจอสวยงาม ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 52 – 98fps แน่นอนว่าให้ภาพที่ลื่นไหลประมาณนึง ซึ่งถ้าอยากให้ลื่นกว่านี้ ปรับเป็น 1920 x 1200px แทนก็ได้

เกมออนไลน์ใช้ทรัพยากรน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 84 – 158fps กรณีเราใช้เล่นเกมจริงๆ แนะนำว่าเป็น V-Sync จะดีกว่า เครื่องก็จะได้ไม่ทำงานเต็มที่ตลอดเวลา สรุปแล้วเป็น Creator Notebook บางเบา ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ ซึ่งก็อาจะไม่ได้แรงเท่า Gaming Notebook ในช่วงราคาหรือสเปกพอๆ กัน

MSI Center เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนๆ คือ ใช้งานสะดวก สามารถช่วยเหลือ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Notebook ได้อย่างลงตัว พร้อมได้ธีมที่เข้ากับตัวเครื่อง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัปเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ และสามารถดูสภานะการทำงานได้ ซึ่งสามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Prestige 16 AI Studio มีความจุที่สูง 99.9Whr ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำเหลือ 10% พร้อมเลือกโหมด Super Battery ของ MSI แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขได้ราวๆ 15 ชั่วโมง ซึ่งจากการทดสอบล่าสุดพบว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ดีกว่า Creator Notebook ที่เป็นรุ่นการ์ดจอแยกทั่วไป จากเครื่องสเปกที่แรงแบบนี้

ด้านการทดสอบอุณหภูมิสำหรับ Creator Notebook เครื่องนี้ที่ให้เป็น Cooler Boost 3 ได้พัดลม 3 ตัวขนาดใหญ่ พร้อม Heat Pipe เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี มีความสเถียรมาก เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ  42 – 48 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมด Cooler Boots เร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้

ทดสอบชิปประมวลผล Core Ultra 7 155H ด้วยโปรแกรม Benchmark และเล่นเกมต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย โดยอยู่ที่ 100 องศาเซลเซียสไม่เกินจากนี้ จัดว่าค่อนข้างสูงทีเดียว แต่ก็เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอดแล้ว และการ์ดจอแยกอย่าง RTX 4060 นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีเท่าที่ได้ กับร้อนสุดที่ 99 องศาเซลเซียส ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจ

Facebook
Facebook
YouTube
Instagram