Last Updated on 04/18/2025 by admin
รีวิว MSI Claw 8 AI+ สเปก Intel Core Ultra 7 258V
เครื่องเล่นเกมพกพา จอใหญ่กว่า เล่นเกมลื่นกว่า ! ราคา 32,990 บาท
MSI Claw 8 AI+ อีกหนึ่งเครื่องเล่นเกมพกพารุ่นใหม่ (Gaming Handheld) มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core Ultra 200V แบบเดียวกันกับใน Notebook รุ่นใหม่ ที่มีความโดดเด่นเรื่องของความแรงที่มากขึ้น กราฟิกที่ดีขึ้น แบตเตอรี่ที่ยาวนาน พร้อมมี NPU ประสิทธิภาพสูงรองรับการใช้ AI โดยเฉพาะ โดยเป็นรุ่น Intel Core Ultra 7 258V อีกทั้งยังได้ RAM ขนาด 32GB แบบออนแพ็กเก็จที่ติดตั้งอยู่ในชิปประมวลผลเลย โดยมีราคาอยู่ที่ 32,990 บาท พร้อมของแถมของพรีเมียมมากมาย (ตามแต่ร้านตัวแทนจำหน่าย)
กระจกหน้าจอจะใช้วัสดุ Gorilla Glass ทนทานต่อการใช้งาน ด้านความสว่างจะอยู่ที่ประมาณ 500 nits สู้แสงได้ดี ตัวเครื่องตามสเปกจะมีน้ำหนัก 794 กรัม พร้อมกับมีปุ่มและจอยสติ๊กการควบคุม อีกทั้งมี RGB ที่สวยงาม พร้อมด้วยเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ปุ่ม Power ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี เป็นลำโพงติดตั้งที่ด้านหน้าเครื่อง ด้วยมิติตัวเครื่องที่ 299 x 240 x 122.6 mm โดดเด่นด้วยที่จับตัวเครื่องที่เข้ากับมือในการถือเล่นเป็นอย่างดี โดยมีขนาดและน้ำหนักมากกว่า Claw 7 รุ่นปีก่อน แต่ก็ได้ฟีเจอร์ที่ดีกว่าในหลายๆ ด้าน
MSI ยังพัฒนา Cooler Boost HyperFlow มาให้กับ MSI Claw 8 AI+ โดยเฉพาะ ใช้พัดลมคู่และท่อลมที่แยกจากกัน ซ้าย-ขวา ช่วยให้เครื่องไม่ร้อนมือขณะถือเล่นนาน ๆ และเสียงพัดลมยังอยู่ในระดับที่เงียบมากๆ ไม่รบกวน โดยรวมเรียกว่าเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่พัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดดจากรุ่นก่อนหน้า ด้วยหน้าจอใหญ่ ชิปแรง แบตเตอรี่อึด เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการเล่นเกม PC บนมือถือลื่น ๆ ในรูปแบบพกพา ใครกำลังเล็งเครื่องเล่นเกมที่ “ครบเครื่อง” รุ่นนี้น่าจับตามองอย่างยิ่ง! รายละเอียดจะเป็นยังไงไปชมกันต่อ
VDO Review
AdminPong Verdict
MSI กลับมาอีกครั้งในสนามเครื่องเล่นเกมพกพา (Gaming Handheld) พร้อมกับ MSI Claw 8 AI+ ที่ยกระดับจากรุ่นแรกอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ หน้าจอ และระบบระบายความร้อน โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่ใช้ Intel Core Ultra 7 258V ซึ่งถือเป็นหนึ่งในชิปประมวลผลใหม่ล่าสุดที่มีกราฟิกอย่าง Intel Arc 140V ในตัว มาพร้อมฟีเจอร์ AI ที่ยังถิอว่าเป็น AI PC ด้วย และประสิทธิภาพที่จัดจ้านกว่าเดิมแบบสัมผัสได้ทันที อีกทั้งยังได้พอร์ตการเชื่อมต่อ Thunderbolt 4 แบบ 2 พอร์ต รองรับการเชื่อมต่อได้หลากหลายมากกว่า
จุดเด่นที่ใช้แล้วชอบ
- เป็นเครื่องเล่นเกมพกพารุ่นใหม่จอใหญ่ ดีไซน์ใหม่ พกพาสะดวก เบาที่ 795 กรัม
- ทำให้เราสามารถเล่นเกมแพลตฟอร์ม PC ได้ทุกที่ทุกเวลา (เมื่อก่อนทำไม่ได้แน่ๆ)
- มาพร้อมประสิทธิภาพการที่ลื่นไหล ด้วยชิปประมวลผล Intel Core Ultra 7 258V
- เป็นชิปที่มี Neural Processing Unit (NPU) เทคโนโลยี Intel AI Boost เพื่องาน AI
- เป็น Gaming Handheld ที่เป็น AI PC ยุคใหม่ และ Copilot+ PC ในเครื่องเดียว
- เมื่อต่อเมาส์ คีย์บอร์ด จอแยก จะได้เป็นคอมพิวเตอร์สเปกดีๆ อีกหนึ่งเครื่องทันที
- การ์ดจอออนชิป Intel Arc 140V ที่เล่นเกมได้ลื่นไหล และทำงาน Creator ได้ด้วย
- ติดตั้งแรมออนบอร์ด 32GB และ SSD 1TB ความเร็วสูง ตอบโจทย์การใช้งานทันที
- หน้าจอ 8″ ใหญ่กำลังดี ที่ความละเอียด FHD+ พร้อมขอบเขตสีระดับ sRGB 100%
- จอรองรับการทัชสกรีนได้ กระจกแข็งแรง และมีความสว่างสูง สู้แสงกลางแจ้งได้
- ได้ลำโพงติดเครื่องมาเสียงดี ดีกว่ารุ่นก่อน ดีกว่า Notebook รุ่นราคาใกล้ๆ กัน
- แบตเตอรี่ความจุใหญ่ 80Whr ใช้งานได้นาน ทั้งใช้ดู VDO หรือเล่นเกมต่อเนื่อง
- ได้พอร์ต Thunderbolt 4 ที่ดีที่สุด แบบ 2 พอร์ต รองรับการต่ออุปกรณ์อื่นๆ
- เชื่อมต่อไร้สายเป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่ดีที่สุด ด้วย Wi-Fi 7 + Bluetooth 5.4
- ซอฟต์แวร์ MSI Center M ที่ใช้ในการปรับตั้งค่าต่างๆ หรือ Monitor ได้ง่าย
- ดีไซน์สวยงามสไตล์ MSI Claw ยุคใหม่ พร้อมการจับถือทำได้ถนัดมือสมชื่อ
- ปุ่ม D-PAD / Hall Effect Analog Sticks / Triggers ใช้งานได้ดีและทนทาน
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost HyperFlow ทำงานได้ดี เย็นและเงียบ
- ปุ่ม Power เป็นระบบสแกนนิ้ว Fingerprint ในตัว เพื่อความสะดวกปลอดภัย
ข้อควรรู้ก่อนซื้อ
- เป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ
- น้ำหนักตัวเครื่องยังไงก็หนักกว่า เครื่องเล่นเกมพกพาจอ 7″
Specification
MSI Claw 8 AI+ A2VM ราคา 32,990 บาท
ดูข้อมูลและสั่งซื้อได้ที่ https://s.shopee.co.th/7KjXhyNarw
- CPU : Intel Core Ultra 7 258V (8C/8T, up to 4.8GHz)
- GPU : Intel Arc 140V Graphics
- RAM : 32GB LPDDR5x 8533MHz
- Storage : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
- Display : 8″ IPS FHD+ @120Hz, sRGB 100%
- OS : Windows 11 Home
- Warranty : 2 Years (1Y Intel + 1 Year Thailand)
Hardware / Design
สำหรับดีไซน์ MSI Claw 8 AI+ มาพร้อมหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าที่มีจอ 7 นิ้ว ขนาดที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้ทำให้เครื่องเทอะทะเกินไป โดยมีมิติตัวเครื่อง 299 x 240 x 122.6 มิลลิเมตร แต่กลับให้ความรู้สึกเต็มมือ มากขึ้น ขอบจอ (bezel) ถูกออกแบบให้บางลง ทำให้เครื่องดูทันสมัยยิ่งขึ้น และช่วยให้การพกพายังคล่องตัวด้วย แม้น้ำหนัก 795 กรัม หนักกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อยที่เป็นหน้าจอ 7 นิ้ว แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ถือเล่นได้สบาย สีสันเองเลือกใช้เป็น Sandstorm แบบลักษณะทูโทน คือสีน้ำตาลสลับกับสีดำตลอดทั้งตัวเครื่อง
แน่นอนว่า MSI Claw 8 AI+ มีความเป็น Gaming Handheld จากการที่ติดตั้งไฟ RGB แบบวงแหวน รอบปุ่มอนาล็อก (Joystick) ซึ่งสามารถปรับสี / Pattern ได้ผ่านซอฟต์แวร์ MSI Center M แสดงผลสวยงามในห้องมืด เสริมกลิ่นอายความเป็นเครื่องเล่นเกมพกพายุคใหม่ตัวจริง ดีไซน์ตัวเครื่องมีช่องลมเย็นเข้าจากด้านหลัง และลมร้อนออกชัดเจนด้านบนและด้านหลัง MSI เลือกใช้โทนสีดำด้านตลอดทั้งเครื่อง เพื่อปิดรอยนิ้วมือได้ดี และมีเส้นสายลวดลายอบบกรงเล็บ ดูแข็งแรง ลุยได้ทุกที่ พร้อมพื้นผิวของตัวเครื่องมีความด้าน
MSI Claw 8 AI+ ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ปุ่ม Power ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี เลำโพงติดตั้งที่ด้านหน้าเครื่อง ได้พอร์ต Thunderbolt 4 ที่ดีที่สุด แบบ 2 พอร์ต รองรับการต่ออุปกรณ์อื่นๆ เป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในเรื่องดีไซน์ ใหญ่ขึ้นแต่ถนัดมือขึ้น ดูพรีเมียมมากกว่าเดิม มีไฟ RGB เสริมความเท่ และระบายความร้อนได้ดี เหมาะทั้งสายเกมจริงจังและคนที่อยากได้เครื่องเล่นเกมพกพาไว้ใช้ทั้งวันแบบสบาย ๆ หรือว่าใครมี เมาส์ คีย์บอร์ด หน้าจอมอนิเตอร์ ก็สามารถนำมาเชื่อมต่อ แล้วใช้งานเป็น Desktop PC ได้เลย
Control / Operate
ดีไซน์ของตัวเครื่อง MSI Claw 8 AI+ ได้รับแรงบันดาลใจจากจอยคอนโทรลเลอร์สมัยใหม่ ทำให้เวลาถือใช้งานรู้สึกพอดีมือ ไม่ล้า กริปด้านหลัง ถูกปรับให้มีความโค้ง รับกับนิ้วมือมากขึ้น พร้อมพื้นผิวสัมผัสที่ช่วยให้จับได้แน่นแม้เหงื่อออก ปุ่ม ABXY, D-PAD, Joystick ถูกวางในระยะที่ลงตัว ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับจอยเกมคอนโซลจริง ปุ่ม Triggers และ Shoulder Buttons มีระยะกดลึกและนุ่ม ขึ้นจากรุ่นแรก กดมันส์มือขึ้นมาก ที่สำคัญคือตัว Hall Effect Analog Sticks & Triggers มีความทนทานพร้อมด้วยความแม่นยำที่มากว่า
นอกจากนี้ยังมีปุ่มเพื่อช่วยในการควบคุมมากมาย อย่าง MSI Center M Button / View Button / Menu Button / Quick Settings Button / Right Bumper – Left Bumper / Macro 1 Botton / Macro 2 Botton ทำให้ในการใช้งานจริงทั้งการใช้เพื่อตั้งค่า และในการเล่นเกมจริงๆ มีความสะดวกและครบครัน สมกับเป็น Gaming Handheld รุ่นใหม่ล่าสุด ของ MSI ที่มีการปรับปรุงจากรุ่นก่อน รวมไปถึงในกรณีที่เราจะเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ อย่าง เมาส์หรือคีย์บอร์ดก็ทำได้ ทั้งแบบมีสาย ต่อผ่าน USB-C Hub หรือไร้สาย Bluetooth
Screen / Speaker
MSI Claw 8 AI+ มีหน้าจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1920 x 1200px) รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ทำให้ภาพความลื่นไหล ได้เป็นพาเนล IPS คุณภาพสูง โดยให้มุมมองที่กว้าง สีสันก็สดใส เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี แน่นอนว่าหน้าจอรองรับการทชัสกีนด้วยนิ้วมือได้ เพื่อการควบคุมที่สะดวก กระจกหน้าจอใช้วัสดุ Gorilla Glass ทนทานต่อการใช้งาน ด้านความสว่างจะอยู่ที่ประมาณ 500 Nits สู้แสงได้ดี เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ตามสไตล์ของ Gaming Handheld
ทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอที่มากับเครื่อง กับการที่เป็นเครื่องเล่นเกมพกพาซึ่งในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเมี่ยม ที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ที่นับว่าเป็นพาเนลที่ดีเยี่ยม ใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Calibrite Display Plus HL พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์เอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรต ได้ค่าขอบเขตสีที่ไปได้ถึงระดับ sRGB 110% / AdobeRGB 76% / P3 78.1% ซึ่งถือว่าดีแบบเหนือชั้น จะเอาไปดูหนัง หรือเล่นเกมก็สวยงามสมจริง
ระบบเสียงก็น่าประทับใจ ด้วยลำโพงแบบ 2 ตัว (2x 2W) ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าของตัวเครื่อง เรียกได้ว่ายิงตรงเข้ากับผู้เล่นเลย ทดสอบแล้วถือว่าให้คุณภาพดีที่ทาง MSI ใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยมีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน ตามข้อมูลคือ ดังขึ้น 72.5 % เสียงย่านความถี่ต่ำอัพเกรดให้ดีขึ้น 58.3 % และเสียงแตกน้อยลง 10% ใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังเสียบผ่าน Audio Boost ยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ พร้อมมีฟีเจอร์ Hi-Res Audio ด้วยชิปเสียงต่างหาก
Connector / Thin and Weight
MSI Claw 8 AI+ เป็น Gaming Handheld จอกระทัดรัดที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ที่หลักๆ แล้วมาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 2 ช่อง แบบ Full Function ซึ่งรองรับการใช้งานทั้งชาร์จไฟ Power Delivery 3.0 ต่อจอแยก DisplayPort และโอนถ่ายข้อมูลที่ความเร็ว 40Gbps ในพอร์ตเดียว ซึ่งยังรองรับการเชื่อมต่อ Thunderbolt Hub หรือ USB-C Hub เพื่อขยายการเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง USB-A, HDMI, LAN อีกทัังยังมีช่อง Micro-SD Card Reader เพื่อให้เราขยายความจุข้อมูลของเครื่องได้อีก
โดดเด่นด้วยเชื่อมต่อไร้สายด้วย Intel Wi-Fi 7 ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 5.8 Gbps บนการเชื่อมต่อความถี่ 5 และ 6GHz โดยใช้แบนด์วิดท์ช่องสัญญาณ 320MHz ช่วยเพิ่มปริมาณข้อมูลได้อย่างมาก พร้อมความหน่วงที่ต่ำเพียง 2ms และ Bluetooth 5.4 ได้ความสดใหม่ในเทคโนโลยี ส่วนของการพกพาก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนักชั่งจริงที่ 790 กรัม (เบากว่าข้อมูล) ที่สำคัญอแดปเตอร์ USB-C จ่ายไฟที่ 65 Watt นั้น มีขนาดที่เล็ก รวมๆ กันแล้วหนักเพียง 971 กรัมเท่านั้น ทำให้พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวกสบายอย่างแท้จริง
Inside / Upgrade
การแกะอัปเกรดต้องแกะฝาล่าง MSI Claw 8 AI+ ซึ่งการแกะฝาล่างนั้นไม่ยุ่งยาก เพียงไขน๊อตประมาณ 6 ตัว โดยเมื่อแกะออกมาแล้ว ก็จะเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในทั้งหมด ติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 32GB LPDDR5x 8533MHz เป็นแบบออนชิป ซึ่งสุดได้ที่ 32GB โดยรองรับการใช้งานได้แบบสบายชัวร์ๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของชิปประมวลผล ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 (2230) ความจุ 1TB จำนวน 1 ตัว 1 Slot ซึ่งถ้าจะอัปเกรดความจุ ก็ต้องถอดของเดิมออกก่อน และแบตเตอรี่ความจุสูงที่สุดที่ 90 Wh เท่าที่จะให้ได้แล้ว
ในส่วนของระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost HyperFlow ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนทั้งหมด 2 ช่องเป่าขึ้นด้านบน และสองช่องด้านหลังดูดจากฝาหลัง พร้อม Heat Pipe แบบใหม่ที่บางพิเศษ จำนวน 2 เส้นขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมต่อกัน ทำงานร่วมกับพัดลม 2 ตัว ขนาดกำลังพอดี ส่งผลในการใช้งานแบบ Full Load ทำได้อย่างเสถียรภาพสูง และควรจะมั่นทำความสะอาด ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI Claw 8 AI+ ต้องทำด้วยความระวัง
Performance / Software
โดย MSI Claw 8 AI+ มาพร้อมกับชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง เน้นใช้งานกับ AI PC ยุคใหม่ อย่าง Intel Core Ultra 7 258V หนึ่งใน Core Ultra 200V “Lunar Lake” กระบวนการเทคโนโลยีที่ผลิต 3nm แบ่งออกเป็น CPU / GPU / NPU ใหม่ทั้งหมดแบบยกชุด และประหยัดพลังงานลงได้สูงสุด 50% โดยมีความเร็วในการประมวลผลอเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.8 GHz เป็นการทำงานแบบเป็น 16 Core 16 Threads อีกทั้งมี AI Boost NPU จำนวน 6 คอร์ (สมรรถนะ 47-48 TOPS) ช่วยงานด้านเร่ง AI
ติดตั้งหน่วยความจำแรมแบบ SoC (System-on-a-Chip) ขนาด 32GB แบบ LPDDR5x 8533MHz การ์ดจอเป็นแบบออนชิปอย่าง Intel Arc 140V Graphics ตามเทคโนโลยี Core Ultra 200V เป็นสถาปัตยกรรม Xe-LPG+ ที่ดีกว่า Xe-LPG เดิมในทุกๆ มิติ มี XeSS สูงสุด 8 คอร์ ในการเพิ่มเฟรม AI อัปสเกล และรองรับ Ray Tracing ได้ความร้อนที่ควบคุมได้ดี ได้ประสิทธิภาพสูง รองรับทำงาน Creator พร้อมช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา เทียบการ์ดจอแยก
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 23 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core Ultra 7 155H คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ กับเป็นชิปประมวลผลแบบไฮบริดคอร์แบบ 3 ประเภท เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ๆ ก็ทำได้ดี แม้ว่าอาจจะไม่ใช่รุ่นตัวแรงที่สุดอย่าง HX Series ก็ตาม ทั้งแบบ Multi Core หรือ Single Core เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างดี รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องเป็น SSD เกรดสูง ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB มาตรฐานแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 แพลตฟอร์มแบบตัวสั้น 2230 เมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD ทั่วไป ก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าลื่นไหลในการใช้งานการเล่นเกม ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 6012 MB/s และเขียนที่ 5301 MB/s สมกับเป็น SSD ที่ติดตั้งบน Gaming Handhled ระดับสูง ถือว่าน่าพอใจทีเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 7606 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปการใช้งานพื้นฐานโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นชิปประมวลผลแบบเดียวกับ AI PC ยุคใหม่ หรือโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผลตัวแรง ต้องบอกว่าคะแนนที่ได้จากการทดสอบนั้นแรงเหลือเฟือจริงๆ ทำให้เราสามารถทำงานประมวลผลไปด้วย และเล่นเกมไปด้วย ก็ทำได้ลื่นไหล
สำหรับคะแนนในการเล่นเกมจากการทดสอบการ์ดจอแยกด้วยโปรแกรม 3D Mark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 3991 และประมวลผลคาดการณ์เกม Battlefield V ปรับสุด Full HD ได้ 85+ FPS เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ รองรับการเล่นเกม 3 มิติขั้นสูง หรือทำงาน 3 มิติที่ซับซ้อนได้เทียบเท่าการ์ดจอแยกของ Gaming Notebook ได้เลย ประมาณ RTX 2050 นั่นเอง
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Delta Force / Cyberpunk 20277 / Forza Horizon 5 / GTA V / SCUM กับหน้าจอ 1920 x 1200px ซึ่งสามารถปรับความละเอียด 1920 x 1200px ในเกม โดยกราฟิกในการทดสอบเลือกปรับเป็นสูงสุด โดยรวมถือว่าให้ภาพก็สวยงาม (แต่ถ้าให้ดีปรับเป็นกลางๆ หรือต่ำๆ ลงมาดีกว่าในการใช้งานจริงๆ ถึงจะตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้ดี) ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 23 – 55fps ด้วยการเปิด XeSS ใช้ AI ช่วยเพิ่ม FPS ด้วย เรียกว่า MSI Claw 8 AI+ สามารถผ่านการเล่นได้ดี
เกมออนไลน์ใช้ทรัพยากรน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 39 – 71fps กรณีเราใช้เล่นเกมจริงๆ แนะนำว่าเป็น V-Sync จะดีกว่า และปรับกราฟิกลงมา เครื่องก็จะได้ไม่ทำงานเต็มที่ตลอดเวลา สรุปแล้วเป็น Gaming Handheld ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ ซึ่งก็อาจะไม่ได้แรงเท่า Gaming Notebook ที่มีเครื่องใหญ่ใช้การ์ดจอแยกในช่วงราคาหรือสเปกพอๆ กัน
MSI Center M เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อ MSI Claw 8 AI+ โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนๆ คือ ใช้งานสะดวก สามารถช่วยเหลือ จัดการการปรับแต่งตั้งค่าเครื่องเล่นเกมพกพาได้อย่างลงตัว พร้อมได้ธีมที่เข้ากับตัวเครื่อง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัปเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ และสามารถดูสภานะการทำงานได้ ซึ่งสามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Claw 8 AI+ มีความจุที่สูง 90Whr ซึ่งใหญ่มากเมื่อเทียบกับ Gaming Handheld ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับ 10% พร้อมเลือกโหมด Endurance ดู Youtube ตัวโปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 24 ชั่วโมง อีกทั้งถ้าเล่นเกมต่อเนื่องจะสามารถเล่นได้ยาวนานประมาณ 3 -4 ชั่วโมงทีเดียว ซึ่งจากการทดสอบล่าสุดพบว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ดีกว่า Notebook ที่รุ่นทั่วไปซักอีก จากเครื่องสเปกที่แรงแบบนี้
ด้านการทดสอบอุณหภูมิสำหรับ Gaming Handheld เครื่องนี้ที่ให้เป็น Cooler Boost HyperFlow ได้พัดลม 2 ตัวขนาดกำลังดีพร้อม Heat Pipe แยกเป็น 2 เส้น เรียกได้ว่าเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี มีความสเถียรมาก เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 45 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมด Manual เพื่อเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
ทดสอบชิปประมวลผล Core Ultra 7 285V ด้วยโปรแกรม Benchmark และเล่นเกมต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย โดยอยู่ที่ 90 องศาเซลเซียสไม่เกินจากนี้ จัดว่าค่อนข้างดีมาก ประทับใจ แต่ก็เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอดแล้ว และการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Arc 140V Graphics นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีเท่าที่ได้ กับร้อนสุดที่ 78 องศาเซลเซียส ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อยเท่านั้น ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจมาก