5 แนวทางการเลือกซื้อ Creator Notebook 2024 + แนะนำ 5 รุ่นใหม่ สเปกแรงล้ำ ฟีเจอร์ดี ตอบโจทย์มืออาชีพ

Last Updated on 05/20/2024 by admin

5 แนวทางการเลือกซื้อ Creator Notebook 2024
+ แนะนำ 5 รุ่นใหม่ สเปกแรงล้ำ ฟีเจอร์ดี ตอบโจทย์มืออาชีพ

Creator Notebook เพื่อการทำงานสาย Creator ในปี 2024 ที่เหมาะกับ Youtuber, Tiktoker, Reviewer, Steamer รวมไปถึงกลุ่มคนทำงาน ที่เป็นช่างภาพ, ช่างวีดีโอ, อนิเมเตอร์ และอื่นๆ มีหลากหลายรุ่น แน่นอนว่ามาพร้อมประสิทธิภาพที่เหลือเฟือในการทำงานพื้นฐาน และก็มีอีกหลายๆ รุ่นที่ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า ซึ่งส่วนมากในตลาดจะมีช่วงราคาอยู่ที่ตั้งแต่ 3x,xxx บาทขึ้นไป จนไปถึงหลักบาทก็มี อยู่ที่สเปกและฟีเจอร์ว่าดีขั้นไหน รวมไปถึงมีความล้ำแบบใด แต่ที่เน้นๆ คือเรื่องของสเปกที่ลื่นไหลด้วยชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง ส่วนการ์ดจอแยกก็ขึ้นอยู่กับว่าจำเป็นต้องประมวลผลภาพแบบ 3 มิติมากน้อยแค่ไหน

Creator Notebook

โดยถ้าใช้งานทั่วไปได้ดี ไม่มีสะดุดแน่อน อย่างงานออฟฟิศ เช่น พิมพ์เอกสาร Word, Excel, Power Point  รวมไปถึงนำไปดูหนังฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต เรียนออนไลน์ ชมวีดีโอสตรีมมิ่งต่างๆ อาทิ Youtube, Netflix ดูหนังดูซีรีส์ต่างๆ หรือถ้ารุ่นไหนมีการ์ดจอแยกก็เล่นเกมได้ลื่นไหลด้วย นอกจากนี้การที่เป็น Creator Notebook แบบมืออาชีพ ก็ยังประกอบกันอีกหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอคุณภาพสูง ดีไซน์พรีเมียมพกพาใช้งานได้สะดวก และอื่นๆ ในบทความนี้แอดมินโป้งก็จะมาบอก 5 แนวทางการเลือกซื้อ Creator Notebook ในปี 2024 พร้อม 5 รุ่นใหม่แนะนำ สเปกแรงล้ำ ดีไซน์พรีเมียม ตอบโจทย์มืออาชีพ เริ่ม 3x,xxx บาทขึ้นไป

5 แนวทางการเลือกซื้อ Creator Notebook ในปี 2024

1. เลือกสเปกชิปประมวลผล และการ์ดจอประสิทธิภาพ รวมไปถึงอื่นๆ สูงไว้ก่อน 

อย่าง Core i / Ryzen ที่เป็นรหัส HX เพราะมีประสิทธิภาพที่สูง รองรับการทำงานหนักๆ หรือประมวลผลหลายอย่างพร้อมกัน และถ้าต้องการใช้งานด้าน AI ด้วย ก็แนะนำเป็น Core Ultra / Ryzen 8040 ที่มี NPU ในตัว รวมถึงดูว่าจำเป็นว่างานต้องใช้การประมวลผลภาพ 3 มิติหรือไม่ ถ้าคิดว่าจำเป็นหรือต้องการเผื่อเอาไว้ ก็ให้เลือกรุ่นที่มาพร้อมการ์ดจอแยกด้วย ส่วนหน่วยความจำ RAM ก็แนะนำเป็นขนาด 16GB ขึ้นไป จะเป็น 24GB – 32GB ก็ได้ และที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 ที่ความจุ 1TB ขึ้นไป ซึ่งคาดหวังว่าจะอัปเกรด RAM + SSD เพิ่มในอนาต ก็ควรเลือกรุ่นที่รองรับด้วย เพื่อที่จะสนับสนุนการทำงานแบบมืออาชีพ ที่ยิ่งประมวลผลเสร็จไว มีความเสถียรได้ก็ยิ่งดี

Creator Notebook

2. เลือกหน้าจอขนาดกำลังพอดีที่ 16″ พร้อมความละเอียดและสีสันค่าขอบเขตสีที่สูง

แนะนำให้เลือกขนาดใหญ่ไว้ก่อนถ้าสะดวกพกพา ทั้ง 18″ / 17.3″ / 16″ / 15.6″ / 14″ แต่ส่วนตัวแนะนำเป็นขนาด 16″ ที่สัดส่วน 16:10 เพราะขนาดสัมพันธ์กับตัวเครื่องที่กำลังพอดี โดยมีมีพื้นที่การใช้งานมากกว่า 16:9 แบบเดิมๆ พร้อมเลือกพาเนลจอ IPS เกรดที่ดีกับมาตรฐานค่าขอบเขตสี sRGB 100% ก็ได้ที่ความละเอียด Full HD (1920 x 1080px) เป็นขั้นเริ่มต้น แต่ถ้าให้ดีเลือกเป็นความละเอียด Quad HD+ (2560 x 1600px) ขึ้นไป ก็จะได้ความคมชัดกว่ามาก หรือเป็น 2.8K / 3.2K / 4K ก็ได้ สำหรับพาเนลจอยังมี IPS ที่เกนดสูงกว่า รวมไปถึงกลุ่ม Mini LED หรือ OLED เพราะได้ค่าขอบเขตสี P3 100% ที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก เหมาะกับการสร้างหรือเสพงานแบบมืออาชีพ

3. ดีไซน์ต้องสวยงามบางเบา หยิบจับพกพาสะดวก ให้ความพรีเมียมน่าใช้งาน

สำหรับคนที่ทำงานสาย Creator เชื่อว่าตัวเครื่องเอง ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือกซื้อ Notebook มาใช้งาน ในปัจจุบันวัสดุของ Notebook ก็มีความหลากหลาย ทั้งแบบพลาสติกเกรดสูง หรือโลหะต่างๆ ทั้งอลูมิเนียมที่มีหลายลักษณะ จนไปถึงแม็กนีเซียมอัลลอยด์ หรืออื่นๆ เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งวัสดุหลายๆ อย่างก็ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลด้วย อีกทั้งดีไซน์เองก็เอกลักษณ์ในแต่ละรุ่น อาจจะเน้นบางๆ หรือหนาหน่อนแต่แรง เราสามารถเลือกได้ตามความชอบ ส่วนน้ำหนักก็เริ่มต้นตั้งแต่ 1 กิโลกรัมนิดๆ สำหรับจอ 14″ หรือไม่เกิน 2 กิโลกรัมในรุ่นหน้าจอ 16″ หรืออาจจะหนักกว่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับฟีเจอร์และสเปกอื่นๆ ตรงนี้เองเราก็ต้องเลือกที่เราคิดว่าพกพาได้สะดวกด้วย

4. แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานหลายชั่วโมง พร้อมชาร์จไฟกลับได้เร็วและสะดวก

Creator Notebook จริงๆ แล้วมีความคล้ายกับ Gaming Notebook ในหลายๆ จุด อย่างสเปกที่เน้นความแรง รวมไปถึงหน้าจอก็ต้องสวยงาม แต่ในเรื่องของแบตเตอรี่ ในกลุ่มของ Creator Notebook จะให้ความสำคัญมากว่า จากการที่ผู้ใช้งานส่วนมากมีความจำเป็นต้องพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ที่ไม่ได้สะดวกต่ออแดปเตอร์ตลาดเวลา ด้วยไลฟ์สไตล์ ที่ออกไปหาแรงบันดาบใจตามที่ต่างๆ อาจจะเป็นร้านกาแฟ หรือสถานที่ท่องเที่ยว ต้องเดินทางบ่อยๆ รวมไปถึงการคุยงานประชุมงานต่างๆ ฉะนั้นแบตเตอรี่ก็คาดหวังว่าให้ใช้งานที่ยาวนานตลอดทั้งวัน ในการ Consume พื้นฐาน หรือถ้ากรณีที่แบตใกล้หมด ต้องมีพอร์ต USB-C ที่รองรับการชาร์จผ่าน Power Bank ได้

5. ฟีเจอร์อื่นๆ อาทิ การระบายความร้อน การเชื่อมต่อ ระบบสแกนหน้าสแกนนิ้ว

นอกจากนี้การเป็น Creator Notebook ที่ดี ตอบโจทย์การใช้งานแบบมืออาชีพ ก็ต้องมีฟีเจอร์อื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ระบบระบายความร้อนที่ดี ทั้งแบบใช้งานทั่วไป รวมไปถึงกรณีที่ใช้งานหนักๆ แบบ Full Load ตัวเครื่องเองก็ต้องใช้งานได้ลื่นไหล ไม่สะดุด หรือไม่แฮงค์ การงานจะได้ไม่เสียหาย ส่วนการเชื่อมต่ออันนี้ก็อาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าคาดหวังอะไร แต่ถ้าแนะนำ ก็ต้องมีพอร์ต USB-C แบบ Full Function ที่โอนถ่ายข้อมูลได้ ต่อจอแยกได้ และชาร์จไฟกลับได้ใยพอร์ตเดียว ส่วนจะมี 1 – 3 พอร์ต ก็อยู่ที่การใช้งาน อีกทั้งถ้าเครื่องมี SD Card Reader มาเลยก็จะสะดวกขึ้นมากกับคนที่ใช้งานกับกล้อง สุดท้ายกับความปลอดภัย ควรมีระบบสแกนนิ้วหรือสแกนหน้ามาให้ด้วย

แนะนำ Creator Notebook 5 รุ่นใหม่ สเปกแรงล้ำ ใช้งานมืออาชีพ

1. Acer Swift Go 14, 16 OLED ราคา 31,990 – 42,990 บาท

Acer Swift Go 14 เป็น Swift Series ปี 2024 จัดว่าเป็นรุ่นแทนที่ Swift 3 ที่ทาง Acer ทำตลาดด้วยชื่อนี้มาอย่างยาวนาน ซึ่งได้หน้าจอ OLED ความละเอียดที่สูงระดับ 2.8K @90Hz ค่าขอบเขตสี P3 100% ที่ขนาด 14″ ใช้ชิปประมวลผล Intel Core Ultra (Series 1) สถาปัตยกรรม Meteor Lake ที่เป็น TDP 28W มาพร้อม NPU อย่าง Intel AI Boost ไว้เร่งงานด้านการทำงานที่เกี่ยวกับ AI อีกทั้งได้ Intel Evo Edition กับการที่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น โดยมีตัวเครื่องบางเบาดีไซน์เรียบหรู ในราคาคุ้มค่าสุดๆ  จัดว่าสเปกต่อราคานั้นน่าซื้อมากๆ เพื่อเป็นหนึ่งใน AI PC กับการตอบโจทย์งาน Creator ยุคนี้ได้อย่างลงตัว

Acer Swift Go 14

แบ่งสเปกออกเป็นรุ่น Core Ultra 5 125H / Core Ultra 7 155H ที่เป็นรุ่นที่แรงพร้อมความสดใหม่ ในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ อย่าง 3D Performance Hybrid  ทำให้ประมวลผลได้เร็วขึ้นมาก ทั้งจากคอร์ประมวลผล 3 ประเภทพร้อมใช้การ์ดจอออนชิปที่ดีรุ่นใหม่อย่าง Intel ARC Graphics ได้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการ์ดจอแยก ทำให้ 2 – 3 มิติได้ดีขึ้นกว่า Iris Xe Graphics ที่เป็นเจนก่อนๆ ประมาณ 2 เท่า ด้วยเทคโนโลยี XeSS ทั้งโปรแกรมหรือการเล่นเกม ส่วนสเปกอื่นๆ ก็ครบครันทั้งแรมแบบออนบอร์ดขนาด 16GB LPDDR5x และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 512GB ที่ลื่นไหลเพียงพอต่อการใช้งาน

รองรับการทำงานพื้นฐานอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง รวมถึงงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือเล่นเกม 3 มิติ ก็ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ซึ่งทุกรุ่นทำงานแบบไฮบริดคอร์ สนับสนุนการทำงานที่หลากหลายพร้อมๆ กัน  โดยตัวเครื่องเบาที่ 1.3 กิโลกรัม เรียกได้ว่าพกพาสะดวก พร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 12:30 ชั่วโมง โดดเด่นด้วยการติดตั้งทัชแพดแบบพิเศษ ผิวแบบ Corning Gorilla Glass รองรับการใช้งาน Multi-Control ขนาดใหญ่ขึ้น 44% รองรับการใช้งานแบบไฮบริดที่สามารถใช้งาน multi-control เป็นตัวควบคุมปรับระดังเสียง คลิ๊กย่อ-ขยายหน้าจอ, ถอยหลัง, เดินหน้า เล่นหรือหยุดวิดีโอหรือเพลง

การเชื่อมต่อมี Thunderbolt 4 x 2 พอร์ต + Wi-Fi 6E Killer เป็นมาตรฐานที่ดีที่สุด เหมาะกับคนทำงานหลากหลายอาชีพ รวมไปถึง Content Creator หรือ นักเรียนนักศึกษาที่ต้องการเครื่องมือในการเรียน ตัวเครื่องเองทำจากวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยด์ทั้งหมด โดยส่วนของคีย์บอร์ดติดตั้งมาพร้อมปุ่ม Colipot เพื่อใช้งานของ Windows ได้อย่างสะดวกที่สุด อีกทั้งมี Fingerprint สแกนลายนิ้วมือ ระบบระบายความร้อนเป็น TwinAir แบบพัดลมคู่ เว็บแคมความละเอียด QHD เหนือชั้นด้วย AcerSense, Acer PurifiedView, Acer PurifiedVoice และ Acer LiveArt ฟีเจอร์ AI จาก Acer ช่วยยกระดับการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์

จอ 14″ กำลังดี จะได้เป็นความละเอียด 2.8K (2880 x 1800px) ซึ่งมีสเปกสูงกว่าจอทั่วไป ที่ Refreash Rate 90Hz ลื่นไหล พร้อมรองรับการแสดงภาพ HDR ด้วย นับว่าเป็น Creator Notebook ที่ให้มาตรฐานจอมาสูง ในราคาที่ไม่แพง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Intel Unison เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ เพื่อถ่ายโอนไฟล์และภาพถ่าย หรืออื่นๆ ทำให้เราทำงานได้อย่างราบรื่น โดย Acer Swift Go 14 ติดตั้ง Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที อีกทั้งได้โปรแกรม Office Home & Student 2021 มาด้วย ทำให้พร้อมใช้งาน Word / Excel / Power Point ติดเครื่องใช้งานได้ยาวๆ ส่วนการรับประกันเป็น 2 – 3 ปี โดยปีแรกเป็น On-site Service ด้วย

Acer Swift Go 14 SFG14-73-54C7 ราคา 31,990 บาท
กดลิ้งค์สั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/2fnJt27aXp

  • CPU : Intel Core Ultra 5 125H (14C/18T, up to 4.5GHz)
  • GPU : Intel ARC Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR5x 6400 MHz
  • DISPLAY: 14″ OLED 2.8K 90Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 512GB
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 2Y (Parts & Labor)

Acer Swift Go 14 SFG14-73-71ZY ราคา 35,990 บาท
กดลิ้งค์สั่งซื้อได้ที่ https://s.shopee.co.th/4Ae9IMnIax

  • CPU : Intel Core Ultra 7 155H (16C/22T, up to 4.8GHz)
  • GPU : Intel ARC Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR5x 6400 MHz
  • DISPLAY: 14″ OLED 2.8K 90Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 512GB
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 3Y (Parts & Labor) + 1Y On-site Service

Acer Swift Go 16 เป็น Swift Series ปี 2024 จัดว่าเป็น Creator Notebook จอใหญ่เต็มตา 16″ พร้อมสเปกชิปประมวลผล Intel Core Ultra รุ่นล่าสุดแรงล้ำ ซึ่งได้จอ OLED ความละเอียดที่สูงระดับ 3.2K (3200 x 2000px) @120Hz ค่าขอบเขตสี P3 100% โดยมีตัวเครื่องบางเบาดีไซน์เรียบหรู ได้แพลตฟอร์ม Intel EVO Edition ในราคาคุ้มค่าสุดๆ คาดว่าขายไทยราคาจะอยู่ที่ 39,990 – 42,990 บาท จัดว่าสเปกต่อราคานั้นน่าซื้อมากๆ ตอบโจทย์งาน Creator และงานด้าน AI ในยุคนี้ได้อย่างลงตัว

ใช้ชิปประมวลผล Intel Core Ultra เป็นรุ่นใหม่ที่ใชกระบวนการผลิต Intel 4 เทคโนโลยีที่ 7nm พร้อมกับเทคโนโลยีแพ็กเกจชิปแบบ Foveros 3D Packaging โดยไฮบริดคอร์แบบ 3 คอร์ อย่าง P + E + LP E Core นอกจากนี้ยังเป็นชิปที่มีเทคโนโลยี Intel AI Boost อย่าง Neural Processing Unit (NPU) ที่ฝังมาให้ในตัวโดยเฉพาะ พร้อมการ์ดจอออนชิป Intel Arc ที่แรงกว่า Iris xe 2 เท่า ส่วนสเปกอื่นๆ ก็ครบครันทั้งแรมขนาด 32GB LPDDR5x และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB

รองรับการทำงานพื้นฐานอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง รวมถึงงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือเล่นเกม 3 มิติ ก็ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ สเปกและฟีเจอร์สนับสนุนการทำงานที่หลากหลายพร้อมๆ กัน Acer Swift 16 หน้าจอที่โดดเด่นขนาด 16″ จะได้เป็นความละเอียดสูงกว่ารุ่นอื่นๆ ซึ่งมีสเปกสูงกว่าที่ Refreash Rate 120Hz พร้อมรองรับ HDR ด้วย แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมงขึ้นไป พร้อมเว็บแคมเป็น QHD (3.7MP) มี Fingerprint สแกนลายนิ้วมือ

การเชื่อมต่อมี Thunderbolt 4 x 2 พอร์ต และพอร์ตอื่นๆ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็ใหม่สุดๆ ด้วย Wi-Fi 7 Killer เป็นมาตรฐานที่ดีที่สุด โดยส่วนของคีย์บอร์ดติดตั้งมาพร้อมปุ่ม Colipot เพื่อใช้งานของ Windows ได้อย่างสะดวกที่สุด ระบบระบายความร้อนเป็น TwinAir แบบพัดลมคู่ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Intel Unison เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ ทำให้เราทำงานได้อย่างราบรื่น ตัวเครื่องทั้งหมดทำจากโลหะอะลูมิเนียมที่พรีเมียมและทนทาน สีสันสวยงามด้วย Steel Gray โดยจะเบาที่ 1.6 กิโลกรัม

เหนือชั้นด้วย AcerSense, Acer PurifiedView, Acer PurifiedVoice และ Acer LiveArt ฟีเจอร์ AI จาก Acer ช่วยยกระดับการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์  โดย Acer Swift Go 16 ติดตั้ง Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที อีกทั้งได้โปรแกรม Office Home & Student 2021 มาด้วย ทำให้พร้อมใช้งาน Word / Excel / Power Point ติดเครื่องใช้งานได้ยาวๆ ส่วนการรับประกันเป็น 2 -3 ปี โดยปีแรกเป็น On-site Service จัดว่าสเปกต่อราคานั้นน่าซื้อมาก เป็นหนึ่งใน AI PC ที่สเปกจัดเต็ม

Acer Swift Go 16 SFG16-72-5242 ราคา 39,990 บาท
กดสั่งซื้อได้เลยที่ https://shope.ee/4VFmWgm5os

  • CPU : Intel Core Ultra 5 125H (14C/18T, up to 4.5GHz)
  • GPU : Intel Arc Graphics
  • RAM : 32GB LPDDR5x 6400 MHz
  • DISPLAY: 16″ OLED 3.2K @120Hz, P3 100%
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 2Y (Parts & Labor)

Acer Swift Go 16 SFG16-72-70FS ราคา 42,990 บาท
กดสั่งซื้อได้เลยที่ https://shope.ee/7fCoIYdE2k

  • CPU : Intel Core Ultra 7 155H (16C/22T, up to 4.8GHz)
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • RAM : 32GB LPDDR5x 6400 MHz
  • DISPLAY: 16″ OLED 3.2K @120Hz, P3 100%
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 3Y (Parts & Labor) + 1Y Onsite Service

2. ASUS Vivobook S 14 / S 16 OLED ราคา 36,990 – 41,990 บาท

ASUS Vivobook S 14 OLED เป็น Creator Notebook ดีไซน์ใหม่ของปี 2024 อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมาก โดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพของชิปประมวลผล AMD Ryzen 8040 Series อย่าง Ryzen 7 8845HS มาพร้อมความแรง และ XDNA ที่เป็น NPU เพื่อการทำงานด้าน AI โดยเฉพาะ อีกทั้งยังพัฒนาให้ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Copilot พร้อมเพิ่มปุ่ม ซึ่งเป็น AI ของ Microsoft บนระบบปฏิบัติการ Windows 11 พร้อมได้ สนับสนุนการทำงานและความบันเทิงเต็มรูปแบบ เหมาะกับสาวๆ ที่ต้องการ Notebook ที่ไม่ต้องสเปกใหม่ก็ได้ แต่เน้นฟีเจอร์และดีไซน์ที่ดูดีและแตกต่างมากกว่า

ASUS Vivobook S

ดีไซน์สวยด้วยหน้าจอ 14″ สัดส่วน 16:10 เทคโนโลยี OLED ค่าขอบเขตสี P3 100% พร้อมความละเอียดระดับ 3K (2880 x 1800px) อีกทั้งยังลื่นไหลด้วย Refresh Rate 120Hz รองรับ HDR เรียกได้ว่าเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด ที่สำคัญยังเป็นการปรับดีไซน์ใหม่ของ ASUS Vivobook S 14 OLED ที่มีความพรีเมียมใกล้เคียง Zenbook โดยเป็นโลหะอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ให้ความพรีเมียมดูดีกว่า Vivobook ทั่วไป พร้อมดีไซน์ใหม่ในสีสัน Neutral Black ที่ให้ความหรูหรา ตัวเครื่องมีความบางเบาพกพาสะดวก เบาที่ 1.3 กิโลกรัม ซึ่งบาง 13.9 มิลลิเมตรเท่านั้น

โดยสเปกอื่นๆ ก็จัดเต็มด้วยแรม 16GB LPDDR5x และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB แน่นอนว่าการ์ดจอออนชิปเป็น AMD Radeon 780M ก็มีความแรงกว่ารุ่นก่อนเป็นเท่าตัว ส่วนลำโพง Harman/kardon แบบ 2W x 2 ตัว รองรับระบบ Dolby Atmos นอกจากนี้ยังฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย อาทิ เว็บแคมที่เป็น FHD คมชัดกว่า ที่มีการทำงานร่วมกับ ASUS AiSense Camera and AI Noise Cancelation พร้อมมี Privacy shutter พร้อมด้วย IR Camera สแกนใบหน้า ตัวคีย์บอร์ดเองก็เป็นครั้งแรก ที่เป็นแบบไฟ RGB All Zone ที่เราสามารถปรับโหมดและเปลี่ยนสีได้

ASUS Vivobook S 14 OLED ตัวเครื่องผ่านมาตรฐาน MIL-STD 810H military standard ทำให้มีความทนทานในการตกกระแทก ฝุ่นละออง ความร้อนความชื้น ความกดอากาศ พร้อมกับการที่เป็น AMD Notebook ที่แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานทั้งวันกว่า 14 ชั่วโมง ด้วยความ 75Wh การเชื่อมต่อก็ครบถ้วนด้วย USB-C x 2 พอร์ต และอื่นๆ อย่าง USB-A, HDMI ได้ Wi-Fi 6E มาเป็นมาตรฐาน ติดตั้ง Windows 11 Home และมีโปรแกรม Office Home & Student 2021 มาให้พร้อมใช้งาน ประกัน 2 ปี แบบ On-site Service พร้อมพิเศษสุด ที่ได้ประกันอุบัติเหตุ 2 ปีอีกด้วย

ASUS Vivobook S 14 OLED D5406UA-PP782WS ราคา 36,990 บาท
กดลั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/40KBnHPfQx

  • CPU : AMD Ryzen 7 8845HS (8C/16T, 3.8 – 5.1GHz)
  • GPU : AMD Radeon 780M
  • RAM : 16GB LPDDR5x Bus 7500MHz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • DISPLAY: 14″ OLED 2880 x 1800px @120Hz, P3 100%
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 2 Years + 2 Year Perfect Warranty

ASUS Vivobook S 16 OLED เป็น Creator Notebook บางเบาของปี 2024 อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ โดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพความล้ำของชิปประมวลผล Intel Core Ultra ที่แรงลื่นทรงพลัง ทำงานแบบไฮบริดคอร์ แบบ P-Core + E-Core + LP E-Core พร้อมด้วย Neural Processing Unit (NPU) อย่าง Intel AI Boost ที่ฝังมาให้ในตัวโดยเฉพาะด้วย โดยพัฒนาให้ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Copilot พร้อมเพิ่มปุ่ม ซึ่งเป็น AI ของ Microsoft บนระบบปฏิบัติการ Windows 11 พร้อมได้ Intel EVO Edition สเปกเป็นชิป Core Ultra 7 155H สนับสนุนการทำงานมืออาชีพและความบันเทิงเต็มรูปแบบ รวมไปถึงมีสเปก AMD Ryzen 8040 ด้วย

ASUS Vivobook S 16 OLED (S5606)

ดีไซน์สวยด้วยหน้าจอใหญ่ 16″ สัดส่วน 16:10 เทคโนโลยี OLED ค่าขอบเขตสี P3 100% พร้อมความละเอียดระดับ 3.2K (3200 x 2000px) อีกทั้งยังลื่นไหลด้วย Refresh Rate 120Hz รองรับ HDR เรียกได้ว่าเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด ที่สำคัญยังเป็นการปรับดีไซน์ใหม่ของ ASUS Vivobook S 16 OLED (S6406) ที่มีความพรีเมียมใกล้เคียง Zenbook โดยเป็นโลหะอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ให้ความพรีเมียมดูดีกว่า Vivobook ทั่วไป พร้อมสีสัน Mist Blue ตัวเครื่องมีความบางเบาพกพาสะดวก เบาที่ 1.5 กิโลกรัม ซึ่งบาง 13.9 – 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น พร้อมแบตเตอรี่ความจุใหญ่ 75 Wh 

โดยสเปกอื่นๆ ASUS Vivobook S 16 OLED (S6406) ก็จัดเต็มด้วยแรม 16GB LPDDR5x และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB แน่นอนว่าการ์ดจอออนชิปเป็น Intel Arc Graphics ก็มีความแรงกว่ารุ่นก่อนเป็นเท่าตัว ส่วนลำโพง Harman/kardon แบบ 2W x 2 ตัว รองรับระบบ Dolby Atmos นอกจากนี้ยังฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย อาทิ เว็บแคมที่เป็น FHD ที่มีการทำงานร่วมกับ ASUS AiSense Camera and AI Noise Cancelation พร้อมมี Privacy shutter พร้อมด้วย IR Camera สแกนใบหน้า ตัวคีย์บอร์ดเองก็เป็นครั้งแรก ที่เป็นแบบไฟ RGB All Zone ที่เราสามารถปรับโหมดและเปลี่ยนสีได้ 

ตัวเครื่องผ่านมาตรฐาน  MIL-STD 810H military standard ทำให้มีความทนทานในการตกกระแทก ฝุ่นละออง ความร้อนความชื้น ความกดอากาศ พร้อมกับการที่เป็น Notebook ที่แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานทั้งวันกว่า 10 ชั่วโมง ด้วยความ 75Wh การเชื่อมต่อก็ครบถ้วนด้วย Thunderbolt 4 ที่ให้มา 1 พอร์ต และอื่นๆ อย่าง USB-A, HDMI ได้ Wi-Fi 6E มาเป็นมาตรฐาน ติดตั้ง Windows 11 Home และมีโปรแกรม Office Home & Student 2021 มาให้พร้อมใช้งาน ประกัน 2 ปีแบบ On-site Service พร้อมประกันอุบัติเหตุ 2 ปี กรณีที่ลงทะเบียนกับทาง ASUS (ปกติได้เพียงปีแรก)

ASUS Vivobook S 16 OLED D5606UA-MX755WS ราคา 38,990 บาท
กดลั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/7pWzJYBeRu

  • CPU : AMD Ryzen 7 8845HS (8C/16T, 3.8 – 5.1GHz)
  • GPU : AMD Radeon 780M
  • RAM : 16GB LPDDR5x Bus 7500MHz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • DISPLAY: 16″ OLED 3200 x 2000px @120Hz, P3 100%
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 2 Years + 2 Year Perfect Warranty

ASUS Vivobook S 16 OLED S5606MA-MX772WS ราคา 41,990 บาท
กดลิ้งค์สั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/7KabkDBQ2f

  • CPU : Intel Core Ultra 7 155H (16C/22T, up to 4.8GHz)
  • GPU : Intel Arc Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR5x Bus 7467MHz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • DISPLAY: 16″ OLED 3200 x 2000px @120Hz, P3 100%
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 2 Years + 2 Year Perfect Warranty

3. MSI Prestige 16 AI EVO, Studio ราคา 54,990 – 72,990 บาท

MSI Prestige 16 AI EVO, Studio รุ่นใหม่ปี 2024 เป็น Creator Notebok รุ่นใหม่สาย Creator & Productivity พร้อมขายก่อนใคร มีความสดใหม่ หน้าจอ 16″ IPS QHD+ พร้อมค่าสี P3 100% ที่มีตัวเครื่องเบาเพียง 1.59 กิโลกรัม บางเฉียบ 18.95 มิลลิเมตร ได้สีสัน Stellar Gray วัสดุตัวเครื่องทำมาจากแม็กนีเซีมอัลลอยด์ โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพและฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งใช้เป็นชิปประมวลผล Intel Gen 14 รุ่นล่าสุดอย่าง Core Ultra 7 155H ตัวแรงล้ำกว่ารุ่นก่อนๆ รองรับงานได้ AI ได้ดีกว่าที่เคยมีมา พร้อมการทำงานแบบไฮบริดคอร์ ให้ทุกอย่างลื่นไหลมากกว่า พร้อมรุ่น Studio ได้การ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 4060 ตอบโจทย์งาน 3D หรือเล่นเกมก็ลื่นๆ

MSI Prestige 16

MSI Prestige 16 AI Studio ยังมาพร้อมการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่ที่ดีว่าเดิม อย่าง Intel Arc Graphics ช่วยให้การทำงานด้านประมวลผลงาน 3 มิติ หรือเล่นเกมได้ลื่นไหล เทียบเท่าการ์ดจอแยก พร้อมแรมขนาด 32GB LPDDR5 Bus 6400Hz และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่ 1TB (อัปเพิ่มได้อีก 1 Slot) พร้อมด้วยฟีเจอร์สแกนนิ้ว Fingerprint และสแกนใบหน้า IR เว็บแคมเป็น FHD ที่คมชัดได้ HDR และมี 3D Noise Reduction+ (3DNR+) ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันจากที่ความจุ 99Wh กว่า 15นอกจากนี้ยังมี Ambient Light Sensor และ Proximity Sensor ที่ทำให้ได้ฟีเจอร์ที่มากกว่ารุ่นทั่วไป พร้อมตัวเครื่องความทนทานระดับ Military Grade ที่มั่นใจ

ซึ่ง Intel ได้ร่วมมือกับแอพพลิเคชั่นต่างๆมากกว่า 100 แอพพลิเคชั่นที่รองรับการทำงานร่วมกันกับ AI เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งรุ่นนี้ยังเป็น NVIDIA Studio ตอบโจทย์งาน Creator พร้อมกับที่ MSI ได้นำเสนอนวัตกรรมตัวใหม่อย่าง MSI AI Engine ซึ่งจะมอบประสบการณ์ในการทำงานโดยใช้ AI เข้ามาช่วยในปรับแต่งการตั้งค่าของ Hardware โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งาน มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยจะมีหลักการทำงาน อาทิ เช่น “Intelligent Gaming”, “Intelligent Work”, “Intelligent Meeting” และ “Intelligent Entertainment” เป็นต้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถนำ MSI Prestige 16 AI Studio ไปใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในการใช้งานรอบด้าน

การเชื่อมต่อ MSI Prestige 16 AI Studio ครบครันด้วย Thunderbolt 4 x 2 และ Wi-Fi 7 + BT5.4 ที่จัดว่าใหม่สุดดีที่สุด เชื่อมต่อชาร์จไฟ PD ที่กำลังไฟสูงสุด 140W สนับสนุนทั้งงานมืออาชีพและเล่นเกมที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊กบางเบารุ่นอื่นๆ มีการติดตั้ง Windows 11 Home พร้อมใช้งาน อีกทั้งมีการติดตั้ง Office Home & Student 2021 มาให้ และ MSI Center Pro ช่วยจัดการ อีกทั้งได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันตามสไตล์ของ MSI และมี Enterprise-Grade Security เหมาะกับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คทำงาน Creator ที่เน้นความแรงลื่นและสีสันเที่ยงตรงในน้ำหนักตัวเครื่องเบา พกพาสะดวก ถือว่าเป็นการต่อยอดได้อย่างก้าวกระโดดกับราคา 54,990 – 72,990 บาท ประกันเป็น 2 ปีตามมาตรฐาน MSI

MSI Prestige 16 AI EVO B1MG-018TH ราคา 54,990 บาท
กดสั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/7fC39oR6fO

  • CPU : Intel Core Ultra 7 155H : 16C/22T, up to 4.8GHz
  • GPU : Intel Arc Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR5 Bus 6400 MHz
  • DISPLAY: 16″ IPS QHD+ @60Hz P3 100%
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • Software : Office Home & Student 2021
  • OS : Windows 11 Home
  • Warranty : 2 Years (1 year Global+ 1 Year Thailand)

MSI Prestige 16 AI Studio B1VFG-028TH ราคา 72,990 บาท
กดสั่งซื้อได้ที่ 
https://shope.ee/A9t1F7mtko

  • CPU : Intel Core Ultra 7 155H : 16C/22T, up to 4.8GHz
  • GPU : Intel Arc Graphics + GeForce RTX 4060 (55W)
  • RAM : 32GB LPDDR5 Bus 6400 MHz
  • DISPLAY: 16″ IPS QHD+ @60Hz P3 100% @60Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • Software : Office Home & Student 2021
  • OS : Windows 11 Home
  • Warranty : 2 Years (1 year Global+ 1 Year Thailand)

4. HP Pavilion Plus 14 ราคา 37,990 – 46,990 บาท

HP Pavilion Plus 14 เป็น Creator Notebook รุ่นใหม่ปี 2024 ดีไซน์บางเบาแต่ประสิทธิภาพสูง ได้ทั้งสเปกแรงสดใหม่ด้วย Intel Core Ultra ซึ่งมี Intel AI Boost ช่วยเร่งงานด้าน AI และหน้าจอที่สวยและดีที่สุด เน้นการทำงานสายสร้างสรรค์ เช่นการทำ Artwork หรือตัดต่อวีดีโอ รวมไปถึงความบันเทิง ให้ประสบการณ์ที่เหนือชั้นกว่า โดยสเปกเป็น Core Ultra 5 125H / Core Ultra 7 155H ที่เลือกได้ตามความต้องการ ซึ่งนับว่าเป็น Creator Notebook ช่วงราคา 3x,xxx – 4x,xxx บาท ที่น่าใจทีเดียวจากแบรนด์ HP

โดย HP Pavilion Plus 14 ได้แรมออนบอร์ด 16GB – 32GB LPDDR5 Bus 6400MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่ 512GB – 1TB รองรับการใช้งานประมวลผลที่หลากหลาย มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 14″สัดส่วน 16:10 ความละเอียด 2.8K (2880 x 1800px) @90Hz มาตรฐานสี P3 100% หรืออีกสเปกจะเป็นพาเนล IPS ที่ 2.5K (2560 x 1600px) @120Hz ที่ค่า sRGB 100% ตอบโจทย์งาน Creator ได้อย่างมืออาชีพ โดดเด่นด้วยความบางเพียง 17.5 มม. ที่น้ำหนัก 1.44 กก พกพาสะดวกแน่นอน

วัสดุตัวเครื่องของ HP Pavilion Plus 14 มีทั้งโลหะและพลาสติกซึ่งผ่านกระบวนการรีไซเคิลมา พร้อมสี Moonlight blue ที่โดดเด่นตามสไตล์ HP การเชื่อมต่อไร้สายที่ดีที่สุด Wi-Fi 6E + BT 5.3 แบตเตอรี่ความจุ 68Wh สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 20:15 ชม โดยมีฟีเจอร์ช่วยการทำงานมากมาย เรียกได้ว่าตอบโจทย์การพกพา รองรับการใช้งานรอบด้าน อีกทั้งได้เว็บแคม 5MP ที่คมชัดพร้อมช่วย VDO Call ได้อย่างมืออาชีพกว่า พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้ง Thunderbolt 4, USB-A, HDMI

ระบบเสียงรองรับเป็น DTS:X Ultra ทำงานแบบ Dual speakers พร้อมมี HP Audio Boost และ Poly Studio ติดตั้งระบบปฏิบัติการเป็น Windows 11 Home มาทันที ได้ Microsoft Office Home and Student 2021 ส่งผลให้มี Word / Excel / Power Point ติดเครื่องไปแบบไม่ต้องซื้อเพิ่ม ซึ่งนับว่าคุ้มค่ามากค้าเทียบกับสเปกและฟีเจอร์ การรับประกัน 3 ปี On-site Service และได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก เป็นโน้ตบุ๊ตบางเบารุ่นใหม่ปี 2024 ในราคา 37,990 – 46,990 บาท จัดว่าเป็นหนึ่งใน AI PC ที่น่าสนใจมาก

HP Pavilion Plus 14-ew1000TU ราคา 37,990 บาท
กดสั่งซื้อได้เลยที่ https://shope.ee/6fKCcAWSB6

  • CPU : Intel Core Ultra 5 125H (14C/18T, up to 4.5GHz)
  • GPU : Intel Arc Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR5 Bus 6400MHz
  • DISPLAY: 14″ IPS 2.5K @120Hz, sRGB 100%
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 512GB
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 2 Years On-site Service + 1 Year ADP

HP Pavilion Plus 14-ew1001TU ราคา 46,990 บาท
กดสั่งซื้อได้เลยที่ https://shope.ee/5pl5cb5m0P

  • CPU : Intel Core Ultra 7 155H (16C/22T, up to 4.8GHz)
  • GPU : Intel Arc Graphics
  • RAM : 32GB LPDDR5 Bus 6400MHz
  • DISPLAY: 14″ OLED 2.8K @90Hz, P3 100%
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year ADP

5. Lenovo Yoga Slim 7i 14 ราคา 35,990 – 38,990 บาท

Lenovo Yoga Slim 7i 14 เป็น Creator Notebook ปี 2024 ขนาดหน้าจอ 14″ บางเบาระดับบน วัสดุดูดีพรีเมียม ใช้ชิปประมวลผล Intel Core Ultra (Series 1) ที่มี P-Core + E-Core + LP E-Core อีกทั้งมี NPU ช่วยเร่งการทำงาน AI ในตัว อีกทั้งได้ Intel EVO Edition มั่นใจถึงประสิทธิภาพใช้งานโดยรวม โดดเด่นด้วยการ์ดจอออนชิป Arc Graphics ที่แรงกว่าเดิม 2 เท่า จอพาเนล OLED คุณภาพสูงเป็นผิวกระจก รองรับทัชสกรีน 10 นิ้ว ได้ค่ามาตรฐานขอบเขตสี P3 100% ทำงานด้านมืออาชีพได้ กับความละเอียด FHD+ (1920 x 1200px) ที่ความสว่าง 400 nits พร้อมมาตรฐาน Dolby Vision และป้องกันแสงสีฟ้า

Lenovo Yoga Slim 7

ด้านเสียง Lenovo Yoga Slim 7i 14 ก็ยังมีลำโพงแบบ 4 ตัว x 2W ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Dolby Atmos ที่ให้เสียงคุณภาพดีกว่ารุ่นทั่วไป นอกจากยังมากับตัวเครื่องสีสันโดดเด่นอย่าง Luna Grey โดยโครงสร้างโดยรวมผลิตอะลูมิเนียมแมกนีเซียมอัลลอยด์เสริมความแข็งแรงทนทาน พร้อมมาตรฐาน MIL-STD-810H และบางเฉียบแค่ 14.9 มิลลิเมตร หนักเพียง 1.43 กิโลกรัม โดยมีเว็บแคม FHD ที่ให้ความคมชัด พร้อม IR Camera สแกนใบหน้า Login Windows อีกทั้งมี Privacy Shutter พร้อม TOF ที่ช่วยล็อคเครื่องอัตโนมัติ เพื่อเข้าใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย อีกทั้งแบตยังใช้งานได้ยาวนานทั้งวัน

ในส่วนของสเปกอื่นๆ Lenovo Yoga Slim 7i 14 ได้แรมติดเครื่องมาขนาด 16GB LPDDR5x Bus 7467 MHz และที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB สำหรับพอร์ตมีทั้งThunderbolt 4 x 2 พอร์ต ที่รองรับใช้งานดีที่สุด ไร้สายเป็น Wi-Fi 6E + BT 5.3 พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานหลายชั่วโมง และยังชาร์ตไวด้วยเทคโนโลยี RapidCharge ติดตั้งมาเป็น Windows 11 Home + Office Home & Student 2021 ประกันเป็นแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน โดยมีราคา 35,990 บาท สำหรับสเปก Corr Ultra 5 125H และ 38,990 บาท กับสเปก Core Ultra 7 155H 

Lenovo Yoga Slim 7 14IMH9-83CV000FTA ราคา 35,990 บาท
กดสั่งซื้อได้เลยที่ https://shope.ee/7fBeUoydtM

  • CPU : Intel Core Ultra 5 125H (14C/18T, up to 4.5GHz)
  • GPU : Intel Arc Graphics 7
  • RAM : 16GB LPDDR5x 7467MHz
  • DISPLAY: 14″ OLED FHD+ @60Hz, P3 100%
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 3 Years Premium Care (On- site Service)

Lenovo Yoga Slim 7 14IMH9-83CV000GTA ราคา 38,990 บาท
กดสั่งซื้อได้เลยที่ https://shope.ee/8Uk2znTZta

  • CPU : Intel Core Ultra 7 155H (16C/22T, up to 4.8GHz)
  • GPU : Intel Arc Graphics 8
  • RAM : 16GB LPDDR5x 7467MHz
  • DISPLAY: 14″ OLED FHD+ @60Hz, P3 100%
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • OS : Windows 11 Home
  • Software : Office Home & Student 2021
  • Warranty : 3 Years Premium Care (On- site Service)
Facebook
Facebook
YouTube
Instagram